ปัจจุบัน หลายรัฐในสหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปลายปีที่แล้วต่อเนื่องจนถึงต้นปีนี้ มาตรการเหล่านั้นรวมถึงการห้ามร้านอาหารต่าง ๆ เปิดบริการในส่วนพื้นที่รับประทานอาหารภายในร้าน
Wall Street Journal รายงานว่า ความตึงเครียดเรื่องการห้ามรับประทานอาหารในร้านและห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำลังขยายตัวไปทั่วประเทศ เวลานี้มีอย่างน้อย 6 รัฐในสหรัฐฯ ที่ใช้มาตรการดังกล่าวอย่างไม่มีกำหนด รวมถึงรัฐอิลลินอยส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐมิชิแกน โดยรัฐบาลส่วนท้องถิ่นในรัฐเหล่านี้ใช้วิธีต่าง ๆ ในการบังคับบรรดาเจ้าของร้าน เช่น การเก็บค่าปรับ การสั่งปิดร้าน การฟ้องร้อง หรือการลงโทษอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในรัฐต่าง ๆ ชี้ให้เห็นว่ามีเจ้าของร้านอาหารจำนวนมากขึ้นที่ยอมเสี่ยงกับมาตรการลงโทษ เพื่อให้ธุรกิจของพวกเขาอยู่รอด โดยเฉพาะรัฐที่มีอากาศหนาวเย็นซึ่งการรับประทานอาหารข้างนอกร้านแบบเป็นไปไม่ได้
ดีน พัพพาส (Dean Pappas) เจ้าของร้าน Glen Oak Cafe ในเมืองเกลนเอลลิน รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งเปิดบริการมานาน 43 ปี กล่าวกับ Wall Street Journal ว่าเขาได้เพิ่มที่นั่งชั่วคราวนอกร้านในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงเปิดให้ลูกค้าเข้ามานั่งรับประทานอาหารภายในร้านได้ในช่วงฤดูหนาว แม้ว่าทางการรัฐอิลลินอยส์ได้ใช้มาตรการห้ามนั่งรับประมานอาหารภายในร้านมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
เจ้าของร้านผู้นี้บอกว่า ยอดขายของร้านตกลงไปราว 60% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าแทบไม่มีกำไรเหลือ แต่ตนยังต้องประคองธุรกิจต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของบริษัทวิจัยการตลาด NPD Group ที่ชี้ว่า ยอดขายของร้านอาหารในรัฐที่มีมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดที่สุด ลดลงโดยเฉลี่ย 60% - 70% เมื่อเดือนธันวาคม
ปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลกระทบในส่วนของเจ้าของร้านเท่านั้น แต่ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ชี้ว่า ในเดือนธันวาคม มีลูกจ้างร้านอาหารและบาร์ต่าง ๆ ตกงานแล้วกว่า 372,000 คน ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่ออุตสาหกรรมร้านอาหารและเศรษฐกิจโดยรวม
เว็บไซต์ Chicago.eater.com รายงานว่า สำนักงานเพื่อธุรกิจและการปกป้องผู้บริโภคของนครชิคาโก (BACP) ได้รับแจ้งว่า ในเดือนมกราคม มีร้านอาหารและบาร์อย่างน้อย 12 แห่งในชิคาโกที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามให้ลูกค้ารับประทานอาหารภายในร้าน เพิ่มขึ้นจากจำนวน 10 ร้านเมื่อเดือนที่แล้ว
นายกเทศมนตรีนครชิคาโก ลอรี ไลท์ฟุต แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ชิคาโกอาจอนุญาตให้ลูกค้าสามารถกลับเข้าไปรับประทานอาหารภายในร้านได้เร็ว ๆ นี้ ทันทีที่เงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามที่สำนักงานด้านสาธารณสุขกำหนดไว้ กล่าวคืออัตราผู้ติดเชื้อต้องต่ำกว่าระดับ 6.5% เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน ซึ่งขณะนี้ตัวเลขอัตราผู้ติดเชื้อของนครชิคาโกยังอยู่ที่ระดับมากกว่า 10%
และแม้สมาคมร้านอาหารรัฐอิลลินอยส์กำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ลูกค้าสามารถกลับเข้าไปรับประทานอาหารในร้านได้อีกครั้ง แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารบางคนก็ยังยืนยันว่าจะเปิดบริการเฉพาะที่นั่งนอกร้านและบริการเดลิเวรีเท่านั้น เพื่อให้สามารถควบคุมการระบาดได้อย่างสมบูรณ์ โดยที่ไม่ต้องกลับไปปิดส่วนพื้นที่ภายในร้านอีก
ขณะเดียวกัน โครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ก็ทำให้ผู้ประกอบการในหลายรัฐเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อรัฐบาลส่วนท้องถิ่นในบางรัฐได้เริ่มอนุญาตให้ลูกค้ากลับไปรับประทานอาหารภายในร้านได้แบบจำนวนจำกัดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น รัฐโคโลราโด รัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐมินเนโซต้า เป็นต้น
(เรียบเรียงข้อมูลจาก WSJ, Chicago.eater.com)
