ลอว์เรนซ์ หว่อง เข้าพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนใหม่ ในรอบ 20 ปี และเป็นผู้นำคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์สิงคโปร์ ถือเป็นการถ่ายโอนอำนาจอย่างรอบคอบอันมีเป้าหมายในการรักษาความต่อเนื่องในการปกครองของสิงคโปร์
หว่อง วัย 51 ปี ได้รับฉายาว่า “ผู้นำ 4 จี” ที่หมายถึงนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ได้รับการคัดสรรจากพรรครัฐบาลสิงคโปร์ People's Action Party หรือ PAP ให้เข้ามารับช่วงต่อการบริหารประเทศศูนย์กลางการค้าและการเงินรายสำคัญในเอเชียแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้นำสิงคโปร์คนแรกที่เกิดหลังจากสิงคโปร์เป็นเอกราชเมื่อปี 1965
หว่องให้คำมั่นว่าจะปกครองประเทศ “ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและรู้สำนึกถึงบทบาทหน้าที่ที่ได้รับ” ต่อสิงคโปร์ และประชาชน 5.9 ล้านคน และจะอุทิศ “พลังงานที่มีทั้งหมด” เพื่อประชาชนสิงคโปร์
ลอว์เรนซ์ หว่อง ก้าวขึ้นมามีบทบาททางการเมืองเมื่อปี 2020 ในฐานะประธานร่วมของหน่วยเฉพาะกิจด้านการระบาดของโควิด-19 ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนต่อไปเมื่อเดือนเมษายนปี 2022 หลังจากการปรึกษาหารือในหมู่ผู้นำพรรคการเมืองและเพื่อนฝูงของหว่อง เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีและดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระดับสูงด้านสังคม ในการแก้ปัญหาเรื่องความยั่งยืน ความเหลื่อมล้ำ และการจ้างงานของสิงคโปร์
ความต่อเนื่องและเสถียรภาพการเมืองสิงคโปร์
หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้นำสิงคโปร์คนใหม่ หว่องจะยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง และบริหารประเทศต่อจากอดีตนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง วัย 72 ปี ที่ปกครองสิงคโปร์มา 20 ปี
หว่องปรับคณะรัฐมนตรีเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ ก่อนพิธีรับตำแหน่งในวันพุธ โดยแต่งตั้งรัฐมนตรีการค้าสิงคโปร์ให้ขึ้นมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีความต่อเนื่องและเสถียรภาพในการพิจารณาประเด็นสำคัญของประเทศ และว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่หลังการเลือกตั้งปีหน้า
ด้านลี เซียน ลุง ยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีระดับสูงในคณะรัฐบาลของหว่องอยู่ เหมือนกับอดีตผู้นำสิงคโปร์รายอื่น ๆ
การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองจากลี เซียน ลุง สู่ ลอว์เรนซ์ หว่อง มีการปูทางไว้นานแล้ว โดย ลี เซียน ลุง ซึ่งรับไม้ต่อการบริหารประเทศมาจากลี กวน ยู ผู้ก่อตั้งสิงคโปร์สมัยใหม่และบิดาของเขาผู้ล่วงลับเมื่อปี 2015 ประกาศจะก้าวลงจากตำแหน่งนายกฯ สิงคโปร์เมื่ออายุ 70 ปี แต่ต้องล่าช้าไปเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองได้รับผลกระทบหลังจากผู้ที่ได้รับการทาบทามให้รับช่วงต่อประกาศออกจากตำแหน่งโดยไม่คาดคิดเมื่อปี 2021
ด้านหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านสิงคโปร์ พริทัม ซิงห์ กล่าวเมื่อวันพุธว่า หว่องเข้ามารับหน้าที่ในช่วงเวลาอันท้าทาย ที่มีความไม่แน่นอนและสภาวะภายนอกที่คาดเดาได้ยากยิ่ง และมีการเปลี่ยนแปลงของช่วงอายุในประเทศอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย และว่า “ใต้การนำของหว่อง พรรคแรงงานสิงคโปร์จะมีบทบาททางนิติบัญญัติในการสร้างผลประโยชน์ให้กับสิงคโปร์และชาวสิงคโปร์ต่อไป”
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น