สำนักข่าว AP มีรายงานว่า หมีกริซลี่กำลังขยายอาณาเขตอย่างช้า ๆ ในหลายส่วนทางตอนเหนือของเทือกเขาร็อคกี้ แต่ถึงกระนั้น พวกมันก็ยังต้องการการปกป้องอย่างต่อเนื่อง
หน่วยงานบริการด้านการประมงและสัตว์ป่าของสหรัฐฯ เผยแพร่ผลการประเมินครั้งแรกในรอบเกือบสิบปีเกี่ยวกับสถานะของหมีกริซลี่ในรัฐต่าง ๆ ที่ได้รับการปกป้องจากการล่าสัตว์ในฐานะที่เป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ยกเว้นในรัฐอลาสก้า
ประชากรหมีกริซลี่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในสองพื้นที่ คือแถบอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ในรัฐไวโอมิง มอนแทน่า และไอดาโฮ ซึ่งคาดว่ามีหมีมากกว่า 700 ตัว และอุทยานแห่งชาติกลาเซียร์ในรัฐมอนแทน่าซึ่งเป็นที่อยู่ของหมีกริซลี่มากกว่า 1,000 ตัว
อย่างไรก็ดี จำนวนหมีกริซลี่ยังคงอยู่ในระดับต่ำในส่วนอื่น ๆ ของเทือกเขาร็อคกี้ทางตอนเหนือ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า พวกเขาต้องการมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประชากรหมีในบริเวณนั้นมากกว่าที่จะย้ายพวกมันกลับไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ อีกครั้ง
ปัจจุบัน หมีกริซลี่ครอบครองอาณาเขตที่พวกมันเคยอยู่อาศัยมาแต่ดั้งเดิมในรัฐต่าง ๆ ที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกันราว 6 เปอร์เซนต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2 เปอร์เซนต์เมื่อปีค.ศ. 1975
นักอนุรักษ์และนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบางแห่งได้ผลักดันให้ส่งหมีกริซลี่กลับไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เช่น เทือกเขาซานฮวนของรัฐโคโลราโด และเซียร์ราเนวาดาของรัฐแคลิฟอร์เนีย
แต่ข้อมูลจากการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า หมีกริซลี่อาจจะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่เองได้ในแถบซานฮวน, เซียร์ราเนวาด้า หรือในอีกสองพื้นที่ ได้แก่ เทือกเขายูอินทาห์ รัฐยูทาห์ และเทือกเขามักกียอน ในรัฐนิวเม็กซิโก
ฮิลารี คูลีย์ ผู้ประสานงานด้านการฟื้นฟูประชากรหมีของหน่วยงานบริการด้านการประมงและสัตว์ป่าของสหรัฐฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังมองหาพื้นที่ที่หมีกริซลี่จะสามารถดำรงชีวิตอยู่เองได้ แทนที่จะมองหาพื้นที่ที่มนุษย์ต้องนำหมีไปปล่อยไว้
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า หมีจะเผชิญกับความท้าทายในแบบเดียวกันในทุก ๆ พื้นที่ เช่น ยังไม่ห่างไกลจากพื้นที่สาธารณะเพียงพอ หรือประชากรในบริเวณนั้นมีมากเกินไปจนทำให้หมีกริซลี่มีโอกาสน้อยที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับหมีตัวอื่น ๆ ในการที่จะรักษาจำนวนประชากรหมีเอาไว้
ทั้งนี้ หมีกริซลี่ราว 50,000 ตัวเคยอาศัยอยู่ทางแถบตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือตั้งแต่มหาสมุทรแปซิฟิกไปจนถึงเกรทเพลนส์ หรือที่ราบใหญ่ แต่การล่าสัตว์ การดักสัตว์เพื่อการค้า และการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย ทำให้ประชากรหมีลดลงไปมากที่สุดในช่วงต้นทศวรรษ 1900
หมีกริซลี่ถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายในรัฐแคลิฟอร์เนียในช่วงปีค.ศ. 1920 และหมีกริซลี่ที่เคยพบตัวสุดท้ายในรัฐโคโลราโดถูกนักล่ากวางฆ่าตายไปในปี 1979
หมีกริซลี่ได้รับการคุ้มครองในฐานะที่เป็นสัตว์เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ในพื้นที่ที่ติดต่อกันของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1975 ทำให้พวกมันสามารถฟื้นตัวได้อย่างช้า ๆ โดยมีหมีกริซลี่ราว 1,900 ตัวอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาร็อคกี้ ในรัฐไวโอมิง มอนแทน่า ไอดาโฮ และวอชิงตัน
ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ ยื่นฟ้องหน่วยงานบริการด้านการประมงและสัตว์ป่าในปี 2019 เพื่อบังคับให้เจ้าหน้าที่นำหมีกริซลี่กลับคืนไปยังส่วนต่าง ๆ ของรัฐทางตะวันตกอีก 7 รัฐ ผู้พิพากษาเขตของสหรัฐฯ ได้ตัดสินเมื่อปีที่แล้วว่าจะไม่มีการบังคับให้รัฐบาลร่างแผนฟื้นฟูหมีในพื้นที่ใหม่
การคุ้มครองหมีในแถบเยลโลว์สโตนถูกยกเลิกไปภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ภายหลังได้มีการนำนโยบายนี้กลับมาใช้อีกครั้งภายใต้คำสั่งศาล ในขณะที่รัฐไอดาโฮและไวโอมิงเตรียมที่จะจัดงานล่าหมีกริซลี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวน 5 คนจากภูมิภาคดังกล่าวได้ส่งมอบการคุ้มครองหมีกริซลี่ในเยลโลว์สโตนให้อยู่ภายใต้อำนาจศาลของรัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านักชีววิทยาจะบอกว่าประชากรหมีกริซลี่ในแถบเยลโลว์สโตนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่ศาลอุทธรณ์กล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วว่า รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอเพื่อให้แน่ใจว่าการล่าสัตว์และแรงกดดันอื่น ๆ จะไม่ลดจำนวนประชากรหมีกริซลี่ลงอีกในอนาคต