กองทัพรัสเซียเพิ่มระดับการโจมตีใส่หลายเมืองของยูเครนในวันพุธ และแสดงความประสงค์ที่จะเข้าสู่การเจรจารอบใหม่เพื่อยุติสงครามในยูเครน ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างการครอบครองเมืองยุทธศาสตร์ริมฝั่งทะเลดำเอาไว้แล้ว
รัฐบาลรัสเซียกล่าวว่าสามารถควบคุมเมืองเคอร์ซอน ซึ่งเป็นเมืองท่าริมฝั่งทะเลดำ ขณะที่นายโอเลกซีย์ อเรสตอยยิช ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ยืนยันว่ายูเครนยังปกป้องเมืองดังกล่าวอย่างสุดกำลัง และยังคงไม่ตกเป็นของรัสเซีย
การระดมโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงที่สุดของรัสเซียมีขึ้นที่เมืองคาร์คีฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับสองของยูเครนและมีประชากรราว 1.5 ล้านคน การโจมตีได้ทำลายอาคารสำนักงานตำรวจแห่งหนึ่งใจกลางเมือง เจ้าหน้าที่ยูเครนระบุว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 21 คนในเมืองคาร์คีฟในวันอังคาร และอีก 4 คนในวันพุธ
หน่วยงานรับมือความฉุกเฉินของยูเครนรายงานว่า การโจมตีของรัสเซียซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตตามโรงพยาบาล ศูนย์เด็กเล็ก และบ้านเรือนต่าง ๆ มากกว่า 2,000 คน แต่จนถึงขณะนี้รัสเซียก็ยังไม่สามารถล้มล้างรัฐบาลยูเครนได้
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิตจากสงครามในยูเครนแล้วเกือบ 500 คน บาดเจ็บอีกมากกว่า 1,500 คน
ยูเครนเรียกร้องยุติความรุนแรงและเข้าสู่การเจรจาสันติภาพรอบใหม่
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ออกมาเรียกร้องอีกครั้งให้กองทัพรัสเซียยุติการโจมตีเพื่อให้มีการเข้าสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพรอบใหม่ หลังจากที่การเจรจาเป็นเวลาหลายชั่วโมงเมื่อวันจันทร์ไม่มีความคืบหน้า ขณะที่โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ดมิทรี เพสคอฟ กล่าวว่า ผู้แทนรัสเซียพร้อมที่จะเจรจาอีกครั้ง
ประธานาธิบดีเซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์และซีเอ็นเอ็นจากกรุงเคียฟในวันพุธว่า สิ่งที่จำเป็นต้องทำเป็นอันดับแรกคือการหยุดการโจมตีประชาชน จากนั้นก็มานั่งเจรจากันเพื่อหาทางออก
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า แม้ว่าการบุกรุกของกองทัพรัสเซียในบางพื้นที่ของยูเครนจะช้าลงเนื่องจากปัญหาด้านการขนส่งทหารและอาวุธ แต่รัสเซียยังคงมีทรัพยากรทางทหารอีกมากมายที่ยังมิได้นำไปใช้ในยูเครน
จนถึงขณะนี้ มีการประเมินว่ารัสเซียได้ยิงจรวดถล่มยูเครนไปแล้วมากกว่า 400 ลูก
ขณะเดียวกัน มีแรงกดดันจากประชาคมโลกต่อรัสเซียเพิ่มขึ้น โดยเมื่อวันอังคาร แคนาดาประกาศว่าจะขอให้คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศทำการสืบสวนว่าการกระทำของรัสเซียเข้าข่าย "อาชญากรรมสงคราม" และ "การก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษย์" หรือไม่
ทางด้านสำนักงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า มีประชาชนยูเครนมากกว่า 677,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก เดินทางหลบหนีออกจากยูเครนเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว โดยคาดว่าจะมีชาวยูเครนที่ขอลี้ภัยในประเทศต่าง ๆ ราว 4 ล้านคน
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์
