รัสเซียเรียกผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) ประจำกรุงมอสโกเข้าพบ เพื่อคัดค้าน “อย่างยิ่ง” ต่อการประกาศใช้ข้อจำกัดชุดใหม่ต่อการขนส่งสินค้าไปยังแคว้นคาลินินกราดซึ่งเป็นดินแดนส่วนแยกของรัสเซีย ผ่านประเทศลิทัวเนียซึ่งเป็นสมาชิกอียู พร้อมขู่ว่า มอสโกอาจจะทำการ “ตอบโต้” ต่อประเทศภูมิภาคบอลติกนี้ด้วย
กระทรวงการต่างประเทศมอสโกเปิดเผยในวันอังคารว่า เอกอัครราชทูตอียูประจำมอสโก มาร์คุส เอเดเรอร์ ได้รับการแจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ “การกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้” และเตือนว่า “จะมีการตอบโต้ตามมา” หากไม่มีการยกเลิกข้อจำกัดทั้งหลายไปในทันที โดยไม่ได้มีการให้รายละเอียดใด ๆ
แคว้นคาลินินกราด เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ระหว่างลิทัวเนียและโปแลนด์ ซึ่งมีแม้น้ำเปรโกลยา ไหลผ่านเข้าสู่ทะเลบอลติก โดยพื้นที่นี้มีประชากรผู้อยู่อาศัยอยู่ราว 500,000 คน
เจ้าหน้าที่ลิทัวเนียกล่าวว่า คำสั่งจำกัดที่ว่านั้นมีผลมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน เพื่อยกระดับมาตรการลงโทษรัสเซียต่อการเดินหน้ารุกรานยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 4 เดือนแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า มาร์คุส เอเดเรอร์ เอกอัครราชทูตอียูประจำมอสโก กล่าวย้ำสิ่งที่ลิทัวเนียประกาศไว้หลังการประชุมกับทางการรัสเซีย โดยกล่าวว่า “ลิทัวเนียไม่ได้ดำเนินมาตรการใด ๆ ตามลำพัง (แต่)เป็นการดำเนินมาตรการลงโทษของอียู”
เอเดเรอร์ กล่าวด้วยว่า ไม่ได้มีการปิดกั้นแคว้นคาลินินกราดโดยสิ้นเชิง เพราะยังมีการขนส่งสินค้าที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อสิ่งที่อยู่ในมาตรการลงโทษไปยังพื้นที่ดังกล่าวได้อยู่
ขณะเดียวกัน เครมลิน ส่ง นิโคไล พาทรูเชฟ ประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย ผู้ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไปยังคาลินินกราด แล้ว
พาทรูเชฟ เตือนว่า มอสโก จะ “ดำเนินมาตรการที่เหมาะสมในอนาคต” และระบุว่า “รัสเซียจะทำการตอบโต้ต่อการกระทำที่เป็นปรปักษ์เช่นนี้อย่างแน่นอน” และว่า “ผลลัพธ์ที่จะออกมานั้นจะมีผลกระทบด้านลบอันรุนแรงต่อประชาชนของลิทัวเนียด้วย”
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก รอยเตอร์ เอเอฟพีและเอพี