ผลการสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เชื่อว่าจีนใช้ ติ๊กตอก (TikTok) เป็นเครื่องมือในการสร้างอิทธิพลต่อความคิดของชาวอเมริกัน ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามห้ามใช้แอปฯ สื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมนี้
ผลโพลล์ที่จัดทำโดย รอยเตอร์/อิปซอส ชี้ว่า ชาวอเมริกันที่ตอบแบบสอบถามราว 58% เห็นด้วยว่ารัฐบาลจีนใช้ติ๊กตอกในการสร้างอิทธิพลต่อ "ความคิดเห็นของประชาชนอเมริกัน" โดยมี 13% ที่ไม่เห็นด้วย และส่วนที่เหลือยังไม่แน่ใจหรือมิได้ตอบคำถาม
ผลสำรวจพบด้วยว่า 46% ของคนอเมริกันเห็นด้วยว่า จีนใช้ติ๊กตอกในการ "สอดแนมชีวิตชาวอเมริกัน" ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ทางการจีนปฏิเสธมาตลอด
ติ๊กตอกกล่าวว่า ได้ลงทุนกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ในการยกระดับระบบความปลอดภัยของข้อมูล และไม่มีการแชร์ข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ 170 ล้านคนกับรัฐบาลจีนอย่างที่นักการเมืองอเมริกันกังวล
เมื่อปีที่แล้ว ซีอีโอของติ๊กตอกได้ยืนยันกับรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า ติ๊กตอกไม่เคยส่งเสริมหรือลบเนื้อหาตามคำสั่งของรัฐบาลจีนแต่อย่างใด
สัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในกฎหมายบังคับให้บริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กตอก ขายหุ้นทั้งหมดในติ๊กตอกภายในเวลา 270 วัน ไม่เช่นนั้นติ๊กตอกจะถูกห้ามใช้ในสหรัฐฯ
ด้านติ๊กตอกประกาศว่าจะท้าทายกฎหมายดังกล่าวซึ่งเชื่อว่าขัดกับรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ว่าด้วยการปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ขณะที่บรรดาผู้ใช้ติ๊กตอกจำนวนมากเตรียมใช้มาตรการทางกฎหมาย ซึ่งอาจรวมถึงการยื่นเรื่องให้ศาลสูงของสหรัฐฯ พิจารณาตัดสิน
ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอส พบว่า 50% ของคนอเมริกันสนับสนุนการห้ามใช้ติ๊กตอก ขณะที่ 32% คัดค้าน อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจนี้ใช้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ใหญ่จำนวนกว่า 1,000 คน ซึ่งอาจไม่ได้สะท้อนความคิดเห็นของเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้หลักของติ๊กตอก
กฎหมายที่ไบเดนลงนามนี้ให้เวลาบริษัทไบต์แดนซ์จนถึงวันที่ 19 มกราคม ปี 2025 ในการขายหุ้นในติ๊กตอก แต่กำหนดเส้นตายที่ว่านี้อาจเลื่อนออกไปได้อีกสามเดือน หากรัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าติ๊กตอกมีความคืบหน้าในการขายแอปยอดนิยมนี้
- ที่มา: รอยเตอร์