อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยตั้งความหวังสูงต่อการกลับคืนมานักท่องเที่ยวชาวจีนเพื่อช่วยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 หลังรัฐบาลกรุงปักกิ่งยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เมื่อต้นปี และชาวจีนเริ่มกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่ก็มีเสียงสะท้อนจากหลายส่วนเกี่ยวกับผลกระทบที่ไม่พึงปรารถนาที่อาจมาพร้อมกับข่าวดีนี้
ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่กว่า 517,000 คน เทียบกับตัวเลขราว 13,700 คนจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกลับคืนมาของตลาดนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่ ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ตัวเลขนักเดินทางจีนอยู่ใน 1 ใน 5 ของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยมากที่สุดซึ่งรวมถึงผู้ที่มาจากมาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้และอินเดียด้วย
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกกับ วีโอเอ ไทยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนดูน้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ในขณะนี้ แต่ ททท.คาดว่า นักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มที่จะเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เมื่อดูจากสถิติการเดินทางเข้ามาของนักเดินทางจีนในเดือนเมษายนที่ 328,375 คน ขณะที่ ทางหน่วยงานจะเดินหน้าประสานงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อกระตุ้นการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยของชาวจีนต่อไป
ขณะเดียวกัน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่า เศรษฐกิจของไทยในปี พ.ศ. 2566 จะขยายตัวที่ระดับ 2.7%-3.7% โดยมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศผ่านธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะธุรกิจบริการต่าง ๆ
อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สำนักวิจัย ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ให้ทัศนะกับ วีโอเอ ในทิศทางเดียวกับสศช. และคาดการณ์ว่า จะมีนักเดินทางจำนวนมากจากประเทศจีนมาท่องเที่ยวในไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะเป็นอานิสงส์แก่ธุรกิจ 4 หมวด อันได้แก่ เครือโรงแรมราคาประหยัด การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ตลาดคอนโดมิเนียมและการเดินทางมาทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment - FDI) รวมทั้ง การค้าระหว่างประเทศด้วย
ส่วน พอล เปรื่องการ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (Pacific Asia Travel Association – PATA) ให้ความเห็นว่า การฟื้นคืนชีพของธุรกิจท่องเที่ยวและการที่รัฐบาลจีนเปิดประเทศอีกครั้งคือ สัญญาณบวกที่ดีสำหรับภาคธุรกิจไทยหลายประเภทสำหรับการฟื้นตัวจากภาวะซบเซาเงียบเหงาในช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเมื่อนักท่องเที่ยวจากจีนนั้นคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยในแต่ละปี
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการกลับมาของนักเดินทางจีนอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คาดเสมอไป
กอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวกับ วีโอเอ ไทย ว่า กระแสเรื่องประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนนั้นดูจะเกินจริงไป โดยเฉพาะเมื่อมีสัญญาณการกลับคืนมาของธุรกิจท่องเที่ยวศูนย์เหรียญ และระบุว่า “ผู้ประกอบการจีนมาลงทุนในคอนโดและร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งเป็นการอัดฉีดเงินทุน (เข้าเศรษฐกิจท้องถิ่น) ในช่วงต้น ดังเช่นที่เกิดขึ้นในกัมพูชา ... แต่หลังจากนั้น กลับไม่เห็นผลกระทบใด ๆ ไปช่วยกระจายความมั่งคั่งของเศรษฐกิจในท้องถิ่นเท่าใดนัก”
ในเรื่องนี้ ผู้ประกอบการในแวดวงธุรกิจท่องเที่ยวให้ความเห็นเชิงสนับสนุนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ไพศาล ซื่อธานุวงศ์ ผู้ประกอบการธุรกิจทัวร์ซึ่งเป็นกรรมการสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ต้องตรวจสอบว่าการบูมของธุรกิจจีนในไทยเป็นการเติบโตอย่างปกติหรือไม่ ... หากสังเกตทุกวันนี้จะเห็นร้านอาหารจีนเปิดอยู่ทุกตรอกซอกซอยในเมืองใหญ่ ทั้งกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวหนักๆ และเชื่อว่ามีชาวจีนอาศัยอยู่จำนวนมาก” และว่า “บางร้านที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ว่าไม่เคยเห็นลูกค้าไปนั่งทานกันเลย แต่ร้านก็ยังเปิดมาได้ เปิดมาเรื่อยๆ เปิดมาตลอด อันนี้ถ้าตรงไปตรงมาก็คือมันเป็นการเปิดเพื่อฟอกเงินหรือเปล่า ถ้าอย่างนี้ก็เป็นการเติบโตที่อาจจะถือได้ว่าผิดปกติ”
ขณะที่ เริงฤทธิ์ ละออกิจ ซึ่งเป็นบาริสต้าของร้าน Cloud Cafe ในจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “การเข้ามาแบบทัวร์ศูนย์เหรียญ มันเข้ามาใช้ทรัพยากรในพื้นที่เรา แต่เศรษฐกิจไม่ได้เติบโต มันกลับไปเติบโตที่อื่น เช่น คาบาเร่โชว์ที่มีรอบเต็มทุกวัน แต่พอโควิดเขาก็ปิดกิจการ แล้วเงินที่หามาทั้งหมดที่นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวเชียงใหม่เป็นสิบปีหายไปไหนหมด เพราะเงินมันไปโตที่อื่น แต่ใช้ทรัพยากรของเชียงใหม่ ใช้ความเป็นเชียงใหม่ … ถ้ามันครบวงจรแบบนี้ มันจะกลายเป็นว่าเชียงใหม่กำลังถูกสูบทรัพยากรอยู่”
นอกจากนั้น แม้การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนจะดูเป็นประโยชน์ต่อหลายฝ่ายในไทย รายงานจากหน่วยงานรักษากฎหมายต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมที่มีชาวจีนอยู่เบื้องหลังด้วย
อย่างไรก็ดี พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกกับ วีโอเอ ไทย ว่า ทางการไทยกำลังเร่งดำเนินการจัดการเกี่ยวกับปัญหานี้อยู่ พร้อมชี้ว่า การเกิดขึ้นของสิ่งที่เรียกกันว่าเป็น “ธุรกิจสีเทา” ไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
“คนเหล่านี้เป็นอาชญากรข้ามชาติ เป็นทั้งยาเสพติด กลุ่มจีนสีเทา ... กลุ่มพวกนี้ ถ้าทำคอลเซ็นเตอร์ก็จะไปกัมพูชา และล่าสุด ก็เข้ามา(ประเทศไทย)ทำยาเสพติด เปิดสถานบริการ เปิดผับบาร์บังหน้า แต่ข้างในขายยา อันนี้ก็เป็นกลุ่มทุนจีน กลุ่มอาชญากรจีน ซึ่งส่วนหนึ่งได้มีการจับกุมไปแล้ว” พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ กล่าว “คนจีนแบบนี้เข้ามาก็จะใช้วิธีการเดียวกันก็คือ เข้ามาแล้วเปิดผับบาร์ เอายาเสพติดเข้ามา แล้วใช้นอมินี ก็ใช้คนไทยนี่แหล่ะ ... คือต้องเรียนว่า ถ้าคนไทยไม่ให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่รัฐไม่คอร์รัปชั่น พวกนี้อยู่เมืองไทยไม่ได้”
- ที่มา: วีโอเอ