ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าครึ่งหนึ่งของผู้ลี้ภัยทั้งหมดทั่วโลก จำนวน 17 ล้าน 2 เเสนคนเป็นเด็ก และมีผู้ลี้ภัยเด็กจำนวนมากไม่ได้ไปโรงเรียนทำให้เสี่ยงที่จะขาดโอกาสสร้างอนาคตที่ดี
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยเเห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR เตือนว่าการละเลยการศึกษาของของผู้ลี้ภัยเด็กจำนวนหลายล้านคน จะเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ที่มุ่งพัฒนาด้านสาธารณสุข ความมั่งคั่งอยู่ดีกินดี ความเท่าเทียมและสันติสุข เป็นหลักใหญ่
UNHCR รายงานว่า 91 เปอร์เซ็นต์ของเด็กทั่วโลกเข้าเรียนในโรงเรียนประถม เทียบกับผู้ลี้ภัยเด็กที่เข้าเรียนเพียง 61 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เเละยังได้ลดลงไปอยู่ที่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์สำหรับผู้ลี้ภัยเด็กในประเทศยากจน
หน่วยงานของสหประชาชาตินี้พบว่า ยิ่งผู้ลี้ภัยโตขึ้น ตัวเลขจะยิ่งลดลงอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะในประเทศยากจน โดยชี้ว่ามีผู้ลี้ภัยวัยรุ่นจำนวนน้อยมากที่เข้าเรียนในระดับมัธยมและเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย โดยอยู่ที่เเค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
Cecile Pouilly โฆษกหญิงของ UNHCR กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า การปฏิเสธการศึกษาเเก่ผู้ลี้ภัยเด็ก เเสดงให้เห็นว่าขาดวิสัยทัศน์
โฆษกหญิงของ UNHCR กล่าวว่า จำเป็นอย่างมากที่ต้องมีจุดยืนที่เเข็งขันร่วมกัน เเละเพื่อสร้างความมั่นใจว่าประเทศที่รับผู้ลี้ภัยจะต้องให้การศึกษาเเก่ผู้ลี้ภัย
การศึกษามีความสำคัญมาก เพราะวันหนึ่งในอนาคต ผู้ลี้ภัยเด็กเหล่านี้จะกลับบ้านเกิดและช่วยสร้างประเทศของตนขึ้นใหม่ ดังนั้น ผู้ลี้ภัยเด็กเป็นอนาคต หากเราไม่ลงทุนในอนาคตของเด็กเหล่านี้ ก็ถือว่าเราไม่ลงทุนในอนาคตของโลก
UNHCR ได้เร่งเร้าให้รัฐบาลชาติต่างๆ ให้รวมเอาผู้ลี้ภัยเด็กเข้าไปในระบบการศึกษาของชาติ และยังเรียกร้องให้มีความพยายามมากขึ้นเพื่อให้เเน่ใจว่าผู้ลี้ภัยเด็กได้รับการสอนโดยครูที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม และมีคุณสมบัติตามที่ตั้งไว้
(เรียบเรียงโดย ทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)