The Wall Street Journal รายงานว่า นักเรียนทั้งสองฝ่ายโต้วาทีในหัวข้อ “โรงเรียนรัฐบาลควรมีสิทธิ์ไม่รับนักเรียนที่เป็นคนต่างด้าวไม่ถูกกฎหมาย”
ทีมนักศึกษาในเรือนจำ เป็นนักศึกษาในโครงการการศึกษาสำหรับนักโทษในเรือนจำของมหาวิทยาลัย Bard ที่คุกมหันตโทษแห่งหนึ่งในรัฐนิวยอร์ค
ผลของการโต้วาทีปรากฎว่าทีมนักโทษเป็นฝ่ายชนะ แต่ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก
กิจกรรมการโต้วาทีของทีมนักโทษนี้เริ่มต้นในฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว ทีมแรกที่ทีมนักโทษได้ประคารมด้วย เป็นทีมนักเรียนนายร้อยจาก West Point ซึ่งทีมนักโทษเป็นผู้ชนะ
ต่อจากนั้น ทีมนี้มีชัยเหนือทีมมหาวิทยาลัย Vermont ซึ่งเป็นทีมที่ติดอันดับการโต้วาทีระดับชาติ แต่ไปแพ้ทีมจาก West Point ในเดือนเมษายนปีนี้ เมื่อกลับไปประชันฝีปากกันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเปรียบเทียบความได้เปรียบและเสียเปรียบในการเตรียมตัว ก็ต้องยอมรับว่าทีมนักโทษเสียเปรียบ เพราะไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตค้นข้อมูลได้ และถ้าจะขอหนังสือหรือบทความอ่าน ก็ต้องทำเรื่องขอจากผู้บริหารเรือนจำ ซึ่งใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะได้
แต่ที่สำคัญกว่าการแพ้-ชนะ คือโครงการการศึกษาสำหรับนักโทษในเรือนจำของมหาวิทยาลัย Bard ซึ่งเสนอการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตร์ แก่นักโทษที่มีความสามารถและความจูงใจ
นักโทษจะต้องสมัครและผ่านการคัดเลือก ซึ่งมีทั้งการเขียนเรียงความและการสอบสัมภาษณ์ ทางเรือนจำบอกว่ามีผู้สมัครเต็มอัตราที่เปิดรับทุกปี
โครงการการศึกษาสำหรับนักโทษในเรือนจำนี้ ได้รับเงินอุดหนุนจากผู้บริจาคส่วนบุคคล และมหาวิทยาลัย Bard ผู้เป็นเจ้าของโครงการฯ ยังจัดเงินไว้สนับสนุนโครงการอย่างเดียวกันนี้ตามเรือนจำในรัฐอื่นๆ อีก 9 รัฐด้วย
เป้าหมายของโครงการฯ คือการให้โอกาสอีกครั้งหนึ่งในการสร้างชีวิตใหม่ของนักโทษเมื่อออกจากเรือนจำ และผลปรากฎว่า ในจำนวนนักโทษกว่า 300 คนที่จบการศึกษาออกไป มีไม่ถึง 2% ที่กลับเข้าคุกอีกภายในเวลาสามปี หลังพ้นโทษ เปรียบเทียบกับอัตราปกติของรัฐนิวยอร์คที่ราวๆ 40% ถูกส่งตัวกลับเข้าเรือนจำ โดยส่วนใหญ่เป็นเพราะละเมิดเงื่อนไขการคุมประพฤติ
ที่มา: The Wall Street Journal