ข้อตกลงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ในการปล่อยตัวประกันหลายสิบคนที่ถูกจับในดินแดนปาเลสไตน์ ยังอยู่ระหว่างการจัดทำอยู่ อ้างอิงจากรายงานใหม่ที่มีออกมา ข้อตกลงดังกล่าวอาจนำไปสู่การพักรบชั่วคราวในกาซ่า และการจัดส่งความช่วยเหลือข้ามพรมแดน ขณะที่ทางการสหรัฐฯ และอิสราเอล ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุป
สื่อวอชิงตันโพสต์ รายงานว่า กลุ่มฮามาส ที่อิสราเอลและสหรัฐฯ ระบุว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลง ที่สหรัฐฯ เป็นตัวกลางการเจรจาในการปล่อยตัวประกันหลายสิบชีวิตที่กลุ่มฮามาสจับตัวไป เพื่อแลกกับการพักรบชั่วคราวเป็นเวลา 5 วัน ที่จะช่วยเปิดทางให้มีการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เขาเชื่อว่าข้อตกลงในการปล่อยตัวประกันจะบรรลุในเร็ววันนี้ แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติม
ในเรื่องนี้ จอน ไฟเนอร์ รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ระบุระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการ Meet the Press ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) ว่า “งานของเรายังไม่จบสิ้น ยังไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้น และผมคิดว่ามันอาจเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า(ข้อตกลง)นี้ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อพิจารณาว่าเราเข้าใกล้ความจริงแค่ไหนในอดีต และผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ผมจะไม่ทำก็คือลงรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในการเจรจา เราไม่พูดเรื่องนี้กันต่อสาธารณชน แต่มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดในการบรรลุข้อตกลง และเราหวังว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ เพื่อว่า(ตัวประกัน)จะได้กลับบ้านสักที”
กองทัพอิสราเอลเดินหน้าโจมตีในกาซ่า ตั้งแต่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน และเชื่อว่าได้จับกุมตัวประกันราว 240 คนเอาไว้ รวมทั้งยังมีอีกจำนวนมากที่สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ตามการเปิดเผยของทางการอิสราเอล
ไมเคิล เฮอร์ซอก เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหรัฐฯ ระบุในการให้สัมภาษณ์กับรายการ This Week ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี (ABC) ว่า “เราหวังว่าตัวประกันจำนวนมากจะได้รับอิสรภาพในอีกไม่กี่วันจากนี้ ผมไม่อยากที่จะลงรายละเอียดในการหารือที่ว่านี้ เพราะเป็นประเด็นอ่อนไหว ยิ่งลงรายละเอียดน้อยเท่าไร ยิ่งเพิ่มโอกาสในการทำข้อตกลงมากขึ้นเท่านั้น และผมหวังว่าเราจะบรรลุข้อตกลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
ในช่วงหลายสัปดาห์ หลังเหตุโจมตีโดยกลุ่มฮามาส เมื่อ 7 ตุลาคม อิสราเอลเดินหน้าโจมตีทางอากาศและภาคพื้น ที่คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์กว่า 12,000 คน และส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในเวสต์แบงค์
สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติ (UNRWA) ประเมินว่ามีผู้คนราว 900,000 คนต้องพลัดถิ่นในฉนวนกาซ่า ซึ่งมากกว่าตัวเลขประเมินสถานการณ์เลวร้ายที่สุดในสงครามอิสราเอล-ฮามาส ของหน่วยงานนี้ถึง 6 เท่าตัว
องค์การอนามัยโลก รายงานว่า โรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในกาซ่า เต็มไปด้วยขยะการแพทย์และหลุมศพขนาดใหญ่ที่รองรับร่างผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คนด้านหน้าอาคารโรงพยาบาล
ความช่วยเหลือล่าสุดที่ทางองค์การอนามัยโลกและสหประชาชาติประสบความสำเร็จ คือ การอพยพทารกที่คลอดก่อนกำหนด 28 คนจากรพ.อัล-ชิฟา ไปยังอียิปต์ ตามการเปิดเผยของสื่อทางการอียิปต์ ขณะที่องค์การอนามัยโลก ระบุว่า มีทารก 3 คนได้กลับสู่อ้อมอกของครอบครัวทางตอนใต้ของกาซ่า
โธมัส ไวท์ ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติ (UNRWA) กล่าวว่า “สำหรับหลายคน พวกเขากำลังคิดถึงการเลี้ยงปากท้องครอบครัวในวันพรุ่งนี้ แต่มีคนจำนวนมากขึ้นที่เริ่มกังวลว่ามีอะไรที่รออยู่ข้างหน้าบ้าง? พวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน? ลูก ๆ จะได้เรียนหนังสือที่ไหน? อนาคตจะเป็นไปอย่างไร? นั่นคือคำถามใหญ่ในจิตใจของผู้คนในกาซ่าขณะนี้”
การปะทะกันระหว่างอิสราเอลและฮามาส ยังดำเนินต่อไปเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยมีความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพียงหยิบมือที่ส่งไปถึงชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ในสมรภูมิความขัดแย้งนี้ ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้ว การพักรบชั่วคราวอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงในแง่ความช่วยเหลือที่ส่งข้ามพรมแดนมาช่วยต่อชีวิตให้พวกเขาได้
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น