การสังเกตการณ์การเลือกตั้งถือเป็นประเพณีปฏิบัติทางการเมืองอย่างหนึ่งในสหรัฐฯ ที่ทำมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เพื่อให้แน่ใจว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นมีความบริสุทธิ์ยุติธรรมและมีความโปร่งใส
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งในปี 2020 นี้เสียงเรียกร้องบางอย่างจากนักการเมืองทำให้เกิดความกังวลว่า การสังเกตการณ์การเลือกตั้งอาจถูกใช้เพื่อข่มขู่หรือขัดขวางการใช้สิทธิของประชาชนได้
ปกติแล้วในอเมริกา poll watcher หรือผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง เป็นอาสาสมัครที่พรรคการเมืองหรือผู้สมัครของพรรคจัดหามาเพื่อช่วยให้แน่ใจว่าการลงคะแนนที่คูหาเลือกตั้งและการนับคะแนนเป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โดยอาสาสมัครเหล่านี้อาจช่วยรณรงค์ให้ผู้คนออกมาใช้สิทธิและตามกฏหมายของบางรัฐอาจสามารถตั้งคำถามเกี่ยวกับสิทธิในการลงคะแนนของบุคคลใดได้ด้วย
แต่ในปีนี้ กลุ่มที่สนับสนุนเรื่องการใช้สิทธิเลือกตั้งของชาวอเมริกันมีความกังวลว่าการทำงานของ poll watcher อาจกลายเป็นเครื่องมือของการก่อกวนรังควานหรือขัดขวางข่มขู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางกลุ่มโดยเฉพาะได้
ความกังวลเรื่องนี้มาจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกร้องหลายครั้งให้ผู้สนับสนุนตนจับตามองการลงคะแนน และฝ่ายหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้ระดมสมาชิก poll watcher ได้นับหมื่นคนในหลายรัฐด้วย
และระหว่างการชุมนุมหาเสียงที่รัฐนอร์ธแคโรไลนา เมื่อปลายเดือนกันยายน ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวอ้างโดยให้เหตุผลว่าจะมีการทุจริตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ และเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนตนไปยังคูหาเลือกตั้งต่าง ๆ เพื่อจับตามองอย่างใกล้ชิดสำหรับสิ่งที่ผู้นำสหรัฐใช้คำพูดว่าจะเป็นการขโมย การแย่งชิง หรือการปล้นที่จะเกิดขึ้นได้
นอกจากนั้น โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังเผยแพร่วิดีโอทางสื่อสังคมออนไลน์เรียกร้องให้ทั้งชายและหญิงที่สภาพร่างกายอำนวยทุกคนเข้าร่วมในกลุ่มหรือกองทัพเพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับการเลือกตั้งของประธานาธิบดีทรัมป์ด้วย การใช้ถ้อยคำอย่างรุนแรงดังกล่าวทำให้กลุ่มที่สนับสนุนการใช้สิทธิเลือกตั้งในอเมริกามีความกังวล และเมื่อเดือนที่แล้ว Facebook ก็ได้ประกาศห้ามการโพสต์ข้อความลักษณะนี้เช่นกัน
ฝ่ายหาเสียงเลือกตั้งของประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า ได้ตั้งเป้าว่าจะระดมอาสาสมัครเพื่อสังเกตการณ์การเลือกตั้งของตนที่ใช้ชื่อว่า Army for Trump ได้ถึง 50,000 คน และว่าอาสาสมัครทุกคนจะได้รับการฝึกให้สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมที่คูหาเลือกตั้ง
ทีย์ แมคโดนัลด์ รองโฆษกฝ่ายหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แน่ใจได้ว่าการลงคะแนนเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมรวมทั้งได้ชี้ว่าจะมีการท้าทายการละเมิดกฎใด ๆ ของฝ่ายเดโมแครตด้วย
ในส่วนของพรรคเดโมแครตเองนั้น ฝ่ายหาเสียงของโจ ไบเดน ได้ประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมว่ามีการจัดเตรียมนักกฎหมายไว้ 600 คน เพื่อรับมือกับการใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ระหว่างการเลือกตั้ง และได้ระดมอาสาสมัครเพื่อช่วยจับตามองการลงคะแนนไว้ราว 10,000 คนแล้วเช่นกัน
ในขณะที่วาทกรรมรวมทั้งการเรียกร้องให้ใช้ผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งของแต่ละพรรคมีมากขึ้นและสร้างความกังวลเกี่ยวกับการข่มขู่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น ขณะนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ที่รัฐเวอร์จิเนียและรัฐจอร์เจียจะมีรายงานเกี่ยวกับกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ผู้ไปรวมตัวกันหน้าศูนย์เลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อตระโกนคำขวัญสนับสนุนผู้นำสหรัฐฯ และเข้าใกล้คูหาเลือกตั้งเกิน 50 ฟุตซึ่งถือว่าผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ตามกฏหมายของสหรัฐฯ การข่มขู่ผู้ใช้สิทธิ เช่น การเข้าขัดขวางผู้เลือกตั้ง หรือนำอาวุธออกแสดงในบริเวณคูหาเลือกตั้ง ถือเป็นอาชญากรรม และสมาคมเลขานุการของรัฐในระดับชาติ โดยนางแมกกี้ ทูลูส โอลิเวอร์ นายกสมาคมดังกล่าวก็แถลงว่า ทางสมาคมจะไม่ยอมทนต่อพฤติกรรมในลักษณะข่มขู่คุกคามหรือก้าวก่ายแทรกแซงการใช้สิทธิ ไม่ว่าพฤติกรรมที่ว่านี้จะมาจากผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งที่ฝ่ายหาเสียงเลือกตั้งจัดมา หรือจากผู้สนับสนุนของแต่ละพรรคก็ตาม
ในอเมริกา หน้าที่ในการจัดการดูแลการเลือกตั้งและให้การรับรองผลการเลือกตั้งในมลรัฐต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่เป็นของผู้ดำรงตำแหน่งที่เรียกว่าเลขานุการของรัฐหรือ Secretary of State ในขณะที่ในบางรัฐหน้าที่ในการจัดและรับรองผลการเลือกตั้งเป็นของรองผู้ว่าการของมลรัฐ