ชาวอเมริกันที่มีสิทธิ์เลือกตั้งมีความตื่นตัวกับศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้อย่างมาก จนมีผู้คนตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าสูงเป็นประวัติการณ์แล้ว
สำนักข่าว Associated Press รายงานว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 17 ล้านคนได้ใช้สิทธิ์เลือกผู้นำประเทศในปีนี้ไปแล้ว และนี่ถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดของการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน ซึ่งเป็นผลมาจากแรงผลักและความกระตือรือร้นของฝั่งพรรคเดโมแครต และความกลัวการติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงที่วิกฤตสาธารณสุขนี้ยังดำเนินอยู่และส่งผลให้วิถีการลงคแนนเสียงของชาวอเมริกันต้องเปลี่ยนแปลงไป
รายงานข่าวระบุว่า ณ เข้าวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ สัดส่วนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ลงคะแนนเสียงไปแล้ว คิดเป็น 12 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศในปี ค.ศ. 2016 แม้ว่าในเวลานี้ ยังมีอีก 8 รัฐ ที่ยังไม่ได้รายงานตัวเลขออกมา และผู้มีสิทธิ์ใช้เสียงยังมีเวลาอีกกว่า 2 สัปดาห์ที่จะลงคะแนนล่วงหน้า
แนวโน้มเช่นนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้งหลายรายเชื่อว่า ในปีนี้ จะมีชาวอเมริกันใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งถึง 150 ล้านคน ซึ่งถ้าเป็นจริง จะเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908 เป็นต้นมาด้วย
ทั้งนี้ Associated Press ระบุด้วยว่า การเก็บข้อมูลของตนแสดงให้เห็นว่า จำนวนผู้ใช้สิทธิ์ล่วงหน้าระหว่างผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันนั้นมีสัดส่วนที่ไม่เท่ากันที่ 2 ต่อ 1
เหตุการณ์เช่นนี้ เป็นสถานการณ์ที่พรรครีพับลิกันเตรียมใจรับมาได้ระยะหนึ่งแล้ว หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พร่ำบอกมาเสมอว่า การส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ทำให้เกิดการโกงการเลือกตั้งมากมาย
อย่างไรก็ตาม พรรคเดโมแครตยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ว่า คะแนนเสียงของตนจะชนะพรรครีพับลิกันหลังปิดหีบเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายนและมีการนับคะแนน เพราะทั้งสองพรรคคาดว่า ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันจำนวนมากจะแห่กันไปที่หน่วยเลือกตั้งในวันจริงเพื่อใช้สิทธิ์ ซึ่งอาจพลิกกลับสถานการณ์ได้