นายกรัฐมนตรีไทย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์วีโอเอไทย ขณะเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้พบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ทำเนียบขาว
(ในตอนสองตอนแรกเราเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับภาพรวมการหารือกับฝ่ายสหรัฐฯ และเรื่องการต่างประเทศ รายงานนี้เป็นตอนที่สามและตอนสุดท้าย ที่เป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับอนาคตของ พล.อ. ประยุทธ์ ต่อไปจากนี้ )
คำถาม: “เมื่อมองถึงสิ่งต่างๆ ที่ พล.อ. ประยุทธ์ พยายามทำในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องความสัมพันธ์กับสหรัฐฯและอื่นๆ บทบาทของตนในฐานะนายกรัฐมนตรีจะจบลงหรือควรต้องทำต่อหลังการเลือกตั้ง”
คำตอบ: “ทุกอย่างต้องทำต่อไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกฯ ก็ต้องทำ เพราะเราได้วางยุทธศาสตร์ชาติไว้แล้ว ได้วางการปฏิรูปไว้แล้ว เค้าเรียกว่าทำให้เกิดความยั่งยืน ถ้าพูดแล้วไม่ทำ ถึงเวลาเปลี่ยนใหม่ มันก็ไม่มีความยั่งยืน มันก็จะเป็นนโยบายรายปีหรือรายพรรคไป อะไรทำนองนี้ รัฐบาลควรทำงานให้มีความยั่งยืนบ้าง ซึ่งสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามกรอบยุทธศาสตร์ เราไม่ได้ไปบังคับใคร ใครมาเป็นรัฐบาลต้องทำแบบนี้ ถ้าไม่ทำ มันไปไม่ได้ ประเทศไทย”
(วีโอเอเปรียบเทียบคำพูดเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วที่เราได้สัมภาษณ์ท่านนายกรัฐมนตรี ขณะเยือนสหรัฐฯ เช่นกัน ในคำถามที่ว่าท่านมองอนาคตของตนอย่างไร หากสามารถทำให้เกิดการเลือกตั้งตามแผนที่วางไว้)
คำถาม: “เมื่อท่านมองตนเองถึงจุดสุดท้ายของโรดแม็พ ท่านจะทำอะไรต่อ”
คำตอบ: “ก็กลับบ้านนอนเลี้ยงหลานสิ จะให้ทำอะไร ผมไม่ได้พักผ่อนมาตั้งนานแล้ว” นั่นเป็นเสียงสัมภาษณ์ พล.อ. ประยุทธ์ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2559
(ครั้งนี้ที่ พล.อ. ประยุทธ์ บอกกับเราในวันจันทร์ว่ายังมีหลายอย่างที่ไม่แน่นอน แต่อย่าตีความว่าตนจะเล่นการเมือง)
คำถาม: “ท่านมีอะไรอัพเดทเราเรื่องแผนที่เคยคิดไว้ว่าจะอยู่บ้านเลี้ยงหลานไหมครับ”
คำตอบ: “แผนก็คือแผน ไม่มีอะไรก็กลับบ้านนอน คำว่ามีอะไรก็ยังไม่รู้ว่ามีอะไรเหมือนกันเข้าใจไหม ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวจะไปตีความว่าผมจะเป็นนักการเมืองจะไปลงเลือกตั้ง ผมไม่คิดอะไรทั้งนั้น”
นอกจากเรื่องอนาคตทางการเมืองแล้ว นายกรัฐมนตรีไทยแสดงทัศนะที่ตนมีต่อประธานาธิบดีทรัมป์ว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นผู้นำที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศซึ่งคล้ายกับตน
ความเหมือนกันอีกประการหนึ่งคือเรื่องความสัมพันธ์กับสื่อที่ทำให้ภาพที่ประชาชนมองจากภายนอกอาจแตกต่างจากตัวตนที่แท้จริง และชมประธานาธิบดีทรัมป์ว่าสุภาพ มีอัธยาศัยดี และเป็นสุภาพบุรุษ
(สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)