ฟิลิปปินส์เริ่มการซ้อมรบกับกองทัพสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (28 มี.ค.) ซึ่งเป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 7 ปี เน้นให้เห็นถึงการยกระดับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองประเทศ หลังจากที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต้ ลดขนาดการซ้อมรบกับอเมริกาลงไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การซ้อมรบที่มีชื่อว่า บาลิกาตัน (Balikatan) ซึ่งแปลว่า "ไหล่ชนไหล่" จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยปีนี้มีทหารเข้าร่วม 8,900 คน และจะใช้ทั้งกระสุนจริงและยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบกในการฝึกรบครั้งนี้ด้วย
นับตั้งแต่ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ขึ้นบริหารประเทศเมื่อปี ค.ศ.2016 ฟิลิปปินส์ได้เพิ่มระยะห่างกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้วหันไปกระชับความสัมพันธ์กับจีนมากขึ้นเพื่อแลกกับเงินกู้ ความช่วยเหลือและการลงทุน
แต่เมื่อปีที่แล้ว ท่าทีของผู้นำฟิลิปปินส์เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มจากการถอนคำขู่เรื่องการยกเลิกสัญญาที่อนุญาตให้ทหารสหรัฐฯ ประจำการในฟิลิปปินส์ ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์มีคำแถลงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าที่เคยมีมา
ทั้งนี้ การซ้อมรบบาลิกาตันถูกยกเลิกไปเมื่อปี ค.ศ. 2020 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และกลับมาจัดใหม่เมื่อปีที่แล้วโดยมีทหารเข้าร่วมเพียง 640 คน
การซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์ในปีนี้มีขึ้นในขณะที่ทางการฟิลิปปินส์ออกมาตำหนิจีนที่ส่งเรือเข้าไปในพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศในทะเลจีนใต้
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการเรียกตัวทูตจีนเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการในกรณีที่เรือของกองทัพเรือจีนรุกล้ำเข้าไปเขตน่านน้ำที่ทั้งสองประเทศกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ด้วย