ไฟเซอร์ (Pfizer) บริษัทยายักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน เปิดเผยบนเว็บไซต์ของทางบริษัทเมื่อวันศุกร์ว่า ทางบริษัทอาจขออนุญาตจากทางการสหรัฐฯ ให้ใช้วัคซีนได้เป็นกรณีฉุกเฉินได้เร็วที่สุดในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายน ซึ่งหมายความว่าวัคซีนอาจเข้าสู่ท้องตลาดสหรัฐฯ ได้ภายในปีนี้ แต่ไม่ทันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน
ไฟเซอร์ระบุว่า วัคซีนที่ทางบริษัทร่วมผลิตกับไบโอเอ็นเท็ค (BioNTech) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติเยอรมัน อาจได้รับการรับรองประสิทธิภาพภายในเดือนนี้โดยอ้างอิงผลการทดลองในกลุ่มคน 40,000 คน อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังต้องการข้อมูลความปลอดภัยที่จะออกมาไในเดือนหน้าก่อนที่จะนำวัคซีนเข้าสู่ท้องตลาดได้
ความคืบหน้าจากไฟเซอร์นี้ทำให้หุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้น 2.6% ในช่วงเช้า หุ้นของไบโอเอ็นเท็คในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 2.8% และหุ้นของบริษัทผลิตวัคซีนคู่แข่งอย่างโมเดอร์นา (Moderna) ที่สามารถพัฒนาวัคซีนได้ใกล้เคียงกับไฟเซอร์ ก็ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเคยกล่าวหลายครั้งว่าชาวอเมริกันจะได้รับวัคซีนก่อนการเลือกตั้ง แต่บริษัทยาและบุคลากรด้านสุขภาพกลับระบุว่าอาจมีเพียงข้อมูลของวัคซีนที่จะได้ภายในเดือนนี้ การที่วัคซีนทั้งสองตัวอาจเข้าสู่ท้องตลาดล่าช้าจากเดิมเนื่องจากมีการระงับการทดลองวัคซีนในสหรัฐฯ ไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
การที่ประธานาธิบดีทรัมป์เร่งให้วัคซีนเข้าสู่ท้องตลาดได้อย่างรวดเร็ว ยังทำให้เกิดข้อกังวลด้วยว่าสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ เอฟดีเอ อาจตรวจสอบวัคซีนอย่างเร่งรีบและไม่ได้มาตรฐานเพียงพอ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพของสหรัฐฯ ยังพยายามคลายข้อกังวลที่ชาวอเมริกันอาจมารับวัคซีนกันน้อยเกินไป โดยทางเอฟดีเอกำหนดให้บริษัทวัคซีนเก็บข้อมูลความปลอดภัยของผู้เข้ารับการทดลองวัคซีนครึ่งหนึ่งเป็นเวลาสองเดือน ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์วิจารณ์ว่าเป็น “เกมการเมือง” เนื่องจากข้อกำหนดดังกล่าวอาจทำให้บริษัทยาปล่อยวัคซีนเข้าสู่ท้องตลาดไม่ทันก่อนการเลือกตั้ง
วามิล ดิวาน นักวิเคราะห์ของสถาบันการเงินมิซูโฮะ วิเคราะห์ว่า ไฟเซอร์พยายามแสดงให้เห็นว่าบริษัทตัดสินใจเกี่ยวกับวัคซีนโดยอิงเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มากกว่าการเมือง การปล่อยวัคซีนเข้าสู่ท้องตลาดได้ยังไม่สำคัญเท่าการทำให้ผู้คนยินดีที่จะรับวัคซีน ซึ่งผลการสำรวจระบุว่าผู้คนยังลังเลที่จะรับวัคซีนเพราะเชื่อว่า การพัฒนาวัคซีนไม่ได้อยู่บนเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อย่างเคร่งครัด
หากไฟเซอร์สามารถปล่อยวัคซีนออกมาได้ภายในปีนี้ จะถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่าหนึ่งล้านคนและทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเสียหายอย่างหนัก
ทางด้านบริษัทโมเดอร์นาเองก็อาจขออนุญาตใช้วัคซีนได้เป็นการฉุกเฉินภายในปีนี้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ ทางบริษัทระบุว่าอาจมีข้อมูลชั่วคราวของกลุ่มผู้รับการทดลอง 30,000 คนได้ภายในเดือนพฤศจิกายน
ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นายังขอการรับรองในยุโรปที่บริษัทยาแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เป็นคู่แข่งผลิตวัคซีน โดยการทดลองวัคซีนของเอสตราเซเนกาในสหรัฐฯ ถูกระงับไปตั้งแต่เดือนกันยายน ในขณะที่ทางจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน บริษัทยาสัญชาติอเมริกันยักษ์ใหญ่อีกเจ้า ก็ระงับการทดลองในสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน
ทางเอฟดีเอจะตรวจสอบทั้งความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และขั้นตอนการผลิตวัคซีนของไฟเซอร์ โดยอัลเบิร์ต โบร์ลา ประธานบริหารของไฟเซอร์ ระบุว่า ทางบริษัทจะยื่นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่อาจมีภายในปลายเดือนนี้ และจะเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณะทันทีที่วัคซีนสามารถใช้งานได้จริง
