รัฐบาลเกาหลีเหนือเดินหน้าวิพากษ์วิจารณ์โจมตีแผนการร่วมซ้อมรบทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่มีกำหนดเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ พร้อมขู่ว่า การดำเนินแผนงานดังกล่าวทำให้กรุงเปียงยางจำต้องเริ่มพัฒนาขีดความสามารถด้านอาวุธของตนให้สูงขึ้นไปอีก
รายงานข่าวระบุว่า แผนการซ้อมรบที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์สร้างสถานการณ์เสมือนจริงสำหรับโครงการดังกล่าวได้ถูกปรับลดลงแล้ว เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และความกลัวว่า การเดินหน้าตามแผนเดิมจะยิ่งทำให้เกาหลีเหนือไม่พอใจหนักขึ้น หลังจากรัฐบาลกรุงโซลและรัฐบาลกรุงเปียงยางเพิ่งกลับมาเปิดช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้
แต่ไม่ว่าขนาดการซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้จะหดลงเพียงใด เกาหลีเหนือยังคงจะมองว่า ความร่วมมือทางการทหารนี้เป็นสัญญาณการรุกรานตน ตามความเห็นที่ คิม โย จอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของ คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ แสดงออกมาในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น
คิม โย จอง กล่าวด้วยว่า แผนซ้อมรบนี้ทำให้ “สถานการณ์ที่ยังขาดความมีเสถียรภาพอยู่” ในคาบสมุทราเกาหลี ยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก ตามแถลงการณ์ที่สำนักข่าว Korean Central News Agency ซึ่งเป็นสื่อรัฐเผยแพร่ออกมา
ยิ่งไปกว่านั้น คิม โย จอง ยังระบุด้วยว่า เกาหลีเหนือจะเร่งพัฒนาความสามารถด้านกลาโหมของประเทศ และความสามารถในการชิงโจมตีที่มีแสนยานุภาพของตน เพื่อเป็นการรับมือกับ “ภัยคุกคามทางทหารที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสหรัฐฯ”
ขณะเดียวกัน สำนักข่าว ยอนฮัพ ของเกาหลีใต้ รายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกรุงโซลพยายามติดต่อเกาหลีเหนือผ่านสายด่วน 2 สายที่มีอยู่ เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น แต่ไม่มีการตอบรับกลับมา ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณการคัดค้านแผนการร่วมซ้อมรบนั่นเอง