กิมจิคืออาหารแบบสลัดผักดองสไตล์เกาหลีที่เป็นที่รู้จักและนิยมในทั่วโลก ผู้คนหลายประเทศติดใจในรสชาดแบบเผ็ดๆเปรี้ยวๆ และกลิ่นฉุนขึ้นจมูกของกิมจิ
ปกติแล้วกิมจิมักทำจากกะหล่ำปลี และเติมเครื่องเทศจำพวกพริกป่น กระเทียมและขิง แต่ก็มีชาวเกาหลีจำนวนมากทั้งที่อยู่ในเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และที่อพยพไปอยู่ในประเทศต่างๆทั่วโลก ได้ดัดแปลงวัตถุดิบอื่นๆมาทำเป็นกิมจิมากขึ้น
เมื่อปี ค.ศ 2013 องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมของสหประชาชาติหรือ UNESCO จัดให้กระบวนการทำกิมจิที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของเกาหลีใต้ซึ่งเรียกว่า กิมจัง เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ
ชาวเกาหลีเหนือเชื่อว่ากิมจิของตนนั้นแตกต่างจากเกาหลีใต้ ตรงที่เผ็ดน้อยกว่าและมีสีแดงไม่เท่ากับของเกาหลีใต้ เนื่องจากใช้พริกป่นที่เผ็ดน้อย
ขณะนี้เกาหลีเหนือกำลังพยายามผลักดันให้กิมจิของเกาหลีเหนือได้รับการรับรองจาก UNESCO เช่นกัน คุณ Han Yong Il แห่งสำนักงานปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมเกาหลีเหนือ ระบุว่าเกาหลีเหนือมีกิมจิหลายร้อยชนิด แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น และวัตถุดิบที่แต่ละครอบครัวนำมาใช้ ซึ่งนอกจากผักตามฤดูกาลหรือผักใบเขียวแล้ว ยังอาจเติมเครื่องเทศ ผลไม้ เนื้อสัตว์ หรืออาหารทะเล ลงไปด้วย
ความภาคภูมิใจในความหลากหลายทางกิมจิของเกาหลีเหนือ ทำให้เกิดความหวังว่าในการประชุม UNESCO ที่นามิเบียในสัปดาห์นี้ กิมจิของเกาหลีเหนือสมควรได้รับพิจารณาให้เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติด้วย
คุณ Ryang Un Bok ชาวกรุงเปียงยาง บอกว่ากิมจิคืออาหารประจำชาติ เป็นอาหารพิเศษ และเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหาร
มีชาวเกาหลีจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า กิมจิมีสรรพคุณด้านการรักษาโรค และสำหรับชาวเกาหลี กิมจิไม่ใช่แค่เป็นอาหารประจำวันเท่านั้น แต่ยังถือเป็นอาหารพิเศษในโอกาสต่างๆ เช่น เทศกาลสำคัญ งานวันเกิด งานแต่งงาน หรือแม้แต่งานเลี้ยงระดับชาติ
ดังนั้นวาระการผลักดันให้กิมจิเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม จึงถือได้ว่าเป็นวาระแห่งชาติ ที่มีหน้าตาของประเทศเป็นเดิมพัน!
(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจากผู้สื่อข่าว Zlatica Hoke )