สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธวิถีโค้งอีกอย่างน้อย 2 ลูกในวันศุกร์ ถือเป็นการทดสอบขีปนาวุธครั้งที่ 3 ในช่วงเวลาราว 10 วัน หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อเกาหลีเหนือเมื่อสองวันก่อน พร้อมขู่ว่าจะเพิ่มมาตรการลงโทษอีกด้วย
การยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือ การใช้มาตรการลงโทษของสหรัฐฯ และการแถลงตอบโต้กันระหว่างสองประเทศ ทำให้สถานการณ์ในขณะนี้คล้ายกับเมื่อปีค.ศ. 2017 ในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีการปะทะคารมกับผู้นำเกาหลีเหนือ ก่อนที่ปธน.ทรัมป์ และผู้นำคิม จะพบหารือกันสองครั้งซึ่งจบลงด้วยความชะงักงันทางการทูตในเวลาต่อมา
สภาความมั่นคงเกาหลีใต้จัดประชุมฉุกเฉินและ "แสดงความเสียใจอย่างยิ่ง" ต่อการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุด พร้อมทั้งขอให้กรุงเปียงยางกลับเข้าสู่การเจรจาอีกครั้ง
แถลงการณ์ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุว่า การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือไม่ได้ช่วยบรรเทาความตึงเครียดของสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
ผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วมของเกาหลีใต้ กล่าวว่า สามารถตรวจจับวัตถุที่เชื่อว่าเป็นขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยใกล้ (SRBM) ถูกยิงจากจังหวัดพยองกันเหนือ ทางฝั่งตะวันตกของเกาหลีเหนือใกล้ชายแดนจีน และไปตกห่างออกไป 430 กม. ในระดับการโคจรสูงสุดที่ 36 กม. เหนือพื้นดิน
ทางด้านสื่อ NHK และเจ้าหน้าที่ชายฝั่งญี่ปุ่น ระบุเช่นกันว่า มีขีปนาวุธวิถีโค้งถูกยิงจากเกาหลีเหนือ ไปตกในทะเลนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น
ขณะที่กองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก กล่าวว่า แม้การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือมิได้สร้างภัยคุกคามในทันทีต่อสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงการสั่นคลอนความมั่นคงจากโครงการอาวุธดังกล่าวของเกาหลีเหนือเช่นกัน
การทดสอบขีปนาวุธในวันศุกร์ถือเป็นครั้งที่สามหลังจากวันปีใหม่เป็นต้นมา โดยสองครั้งก่อนหน้านี้ สื่อเกาหลีเหนืออ้างว่าเป็นการทดสอบ "ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง" ซึ่งถูกยิงจากจังหวัดจากังใกล้กับพยองกันเหนือ
กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือมีแถลงการณ์ในวันศุกร์ว่า การทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้เป็นไปตามสิทธิของเกาหลีเหนือในการป้องกันตนเอง และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา "อาวุธชนิดใหม่" เพื่อปรับปรุงศักยภาพทางทหารของเกาหลีเหนือให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยมิได้มีเป้าหมายไปที่ประเทศใดและไม่มีเจตนาสร้างอันตรายต่อประเทศเพื่อนบ้าน
กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือยังได้กล่าวหาสหรัฐฯ ว่ากำลังทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มมาตรการลงโทษต่อกรุงเปียงยาง พร้อมเตือนว่าเกาหลีเหนือจะใช้มาตรการตอบโต้ที่รุนแรงกว่าหากสหรัฐฯ มีจุดยืนเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือ
เมื่อวันพุธ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อชาวเกาหลีเหนือ 6 คน ชาวรัสเซีย 1 คน และบริษัทรัสเซีย 1 แห่ง ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนในการส่งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทดสอบขีปนาวุธจากรัสเซียและจีนไปยังเกาหลีเหนือ
โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศว่าการเพิ่มมาตรการลงโทษชุดใหม่นี้มีขึ้นเพื่อป้องกันเกาหลีเหนือไม่ให้เดินหน้าพัฒนาโครงการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้ในโครงการนี้
- ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์
