สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อชาวเกาหลีเหนือ 6 คน ชาวรัสเซีย 1 คน และบริษัทรัสเซีย 1 แห่ง ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนในการส่งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทดสอบขีปนาวุธจากรัสเซียและจีนไปยังเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธไปแล้ว 2 ครั้งในรอบสัปดาห์
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศว่า การเพิ่มมาตรการลงโทษชุดใหม่นี้มีขึ้นเพื่อป้องกันเกาหลีเหนือไม่ให้เดินหน้าพัฒนาโครงการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้ในโครงการนี้
รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการข่าวกรองทางการเงินและการก่อการร้าย ไบรอัน เนลสัน มีแถลงการณ์ว่า "เกาหลีเหนือยังคงใช้ตัวแทนในต่างประเทศในการจัดหาอุปกรณ์และวัตถุดิบที่จำเป็นในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์" และว่า "การทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือคือหลักฐานแสดงให้เห็นว่า กรุงเปียงยางยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการต้องห้าม ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของนานาประเทศให้ยุติโครงการนิวเคลียร์และเข้าสู่กระบวนการทางการทูต"
แถลงการณ์กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการลงโทษชุดใหม่นี้ครอบคลุมถึง นายโช เมียง เฮียน ชาวเกาหลีเหนือผู้อาศัยอยู่ในรัสเซีย และชาวเกาหลีเหนืออีก 4 คนในประเทศจีน ผู้ทำงานให้กับองค์กร North Korea’s Second Academy of Natural Sciences (SANS) รวมทั้งนายโรมัน อนาโตลเยวิช อลารา พลเมืองชาวรัสเซีย และบริษัท Parsek LLC ของรัสเซีย ซึ่งทั้งหมดมีส่วนร่วมในกิจกรรมการจัดหาอุปกรณ์สำหรับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
โดยผู้ที่ถูกลงโทษทั้งหมดจะถูกอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ และห้ามบุคคลหรือองค์กรใดทำธุรกรรมกับกลุ่มคนหรือบริษัทดังกล่าว
เมื่อวันอังคาร เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธวิถีโค้งครั้งใหม่ซึ่งเป็นการทดสอบครั้งที่สองในรอบหนึ่งสัปดาห์หลังปีใหม่ จากการเปิดเผยของรัฐบาลเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า ดูเหมือนขีปนาวุธในการทดสอบในวันอังคารได้มีการพัฒนาศักยภาพเหนือกว่าขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
โดยสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือกล่าวอ้างความสำเร็จในการทดสอบ "ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง" ที่พัฒนาขึ้นใหม่ แม้ว่าทางการเกาหลีใต้เชื่อว่าคำประกาศของเกาหลีเหนือนั้นเป็นการอวดอ้างเกินความเป็นจริง
สื่อของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ได้สังเกตการณ์การทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดนี้ด้วยตัวเอง พร้อมขอให้มีการยกระดับกำลังทหารเชิงยุทธศาสตร์ของเกาหลีเหนือตามที่เคยประกาศไว้ในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านมาด้วย
- ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์