ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน กล่าวปราศรัยประจำปีต่อประชาชนเกาหลีเหนือเนื่องในวันปีใหม่ แสดงความหวังว่าจะมีการหารือรอบใหม่กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมแสดงความไม่พอใจด้วยที่สหรัฐฯ พยายามใช้วิธีกดดันให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์
ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน กล่าวปราศรัยประจำปีต่อประชาชนเกาหลีเหนือเนื่องในวันปีใหม่ ระบุว่าตนมีความตั้งใจอย่างแนวแน่ที่จะยุติการทดสอบและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ในการปราศรัยผ่านทางโทรทัศน์ ความยาว 30 นาที ผู้นำคิมกล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ จะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว หากทั้งสองฝ่ายเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ และว่าตนพร้อมที่จะพบเจรจากับ ปธน.ทรัมป์ อีกครั้งตลอดเวลา
ผู้นำคิมกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตนได้เตรียมจัดการประชุมร่วมกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไว้แล้ว แต่หากรัฐบาลกรุงวอชิงตันยังเรียกร้องเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว และยังไม่มีมาตรการที่สอดคล้องกับกรุงเปียงยาง ตนอาจต้องเลือกใช้หนทางอื่นเพื่อปกป้องอธิปไตยพร้อมไปกับการสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
อย่างไรก็ตาม ผู้นำคิมมิได้ระบุว่าหนทางอื่นที่ว่านั้นคืออะไร นอกจากนี้ยังได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ยุติการซ้อมรบร่วมกันทุกรูปแบบ และขอให้เริ่มจัดทำปฏิญญาสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี เพื่อยุติความเป็นศัตรูระหว่างสองเกาหลี และนำมาใช้แทนสนธิสัญญาสงบศึกที่ใช้มาตั้งแตสิ้นสุดสงครามเกาหลีด้วย
เมื่อเดือนมิถุนายน ปธน.ทรัมป์ และผู้นำคิม ได้ร่วมลงนามระหว่างการประชุมที่สิงคโปร์ เพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แต่การเจรจาในขั้นตอนต่อมากลับไม่คืบหน้า หลังจากที่เกาหลีเหนือต้องการให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการลงโทษหลายอย่างก่อนที่เปียงยางจะระงับการทดสอบและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
การกล่าวปราศรัยเนื่องในวันปีใหม่ของผู้นำเกาหลีเหนือนั้น คือการประกาศนโยบายและแนวคิดของผู้นำสูงสุดในช่วงหนึ่งปีข้างหน้าให้กับประชาชนเกาหลีเหนือทราบ คล้ายกับการแถลงแสดงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือ State of the Union
สำหรับการปราศรัยในปีนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ดูผ่อนคลายยิ่งขึ้น โดยผู้นำคิมใส่ชุดสูทสากล นั่งบนโซฟาหนังที่มีฉากหลังเป็นภาพเขียนของอดีตผู้นำเกาหลีเหนือสองคน ต่างจากปีก่อนๆ ที่มักเป็นการยืนกล่าวปราศรัยบนโพเดียม
ดูยอน คิม (Duyeon Kim) นักวิเคราะห์แห่งศูนย์ New American Security ให้ความเห็นต่อการปรับรูปแบบการกล่าวปราศรัยประจำปีในครั้งนี้ว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเรียบง่าย มั่นใจ และความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นของผู้นำเกาหลีเหนือ
รวมทั้งยังสะท้อนรูปแบบของการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำคิมกับ ปธน.ทรัมป์ ที่สิงคโปร์ เมื่อปีกลายด้วยการสวมสูทและผูกเน็คไท ตลอดจนการส่งข้อความไปยังสหรัฐฯ ว่า หากผู้นำสหรัฐฯ ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ที่สิงคโปร์ เกาหลีเหนือก็พร้อมที่จะใช้แผนสำรองที่เตรียมไว้ทันที เพื่อแสดงให้เห็นว่าอนาคตของเกาหลีเหนือมิได้ผูกไว้กับการตัดสินใจของรัฐบาลกรุงวอชิงตันแต่อย่างใด
(ผู้สื่อข่าว Michael Brown รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)