พาดหัวข่าวของวีโอเอ ระบุว่า The 'No Fun' Olympics May Struggle to Attract Viewers หมายความว่า การแข่งขันโอลิมปิกที่ไร้ความบันเทิง อาจต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อดึงดูดผู้ชม
ข่าวนี้เล่าถึงการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก ที่เริ่มต้นในวันศุกร์ (23 กรกฎาคม) ได้เปลี่ยนไปจากการแข่งขันครั้งที่ผ่านๆ มา เนื่องด้วยการระบาดของโคโรนาไวรัส โควิด-19
โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นโดยปราศจากผู้ชมในสนามที่ส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจให้เหล่านักกีฬาที่เข้าแข่งขัน พิธีมอบเหรียญที่แต่เดิมจะมีผู้มามอบให้ กลายเป็นนักกีฬาจะต้องหยิบเหรียญรางวัลที่ได้มาสวมเสียเอง ระเบียบสั่งห้ามนักกีฬาแตะมือหรือสวมกอดกันตลอดการแข่งขัน ขณะที่ทางการญี่ปุ่นได้เพิ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากมาย เพื่อดึงแฟนกีฬาให้ใกล้ชิดกับการแข่งขันได้โดยไม่ต้องอยู่ในสนาม
ส่วนสิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไป คือ พิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิก ที่ยังคงมีขบวนพาเหรด การแสดงดนตรี และการแสดงดอกไม้ไฟ แต่จำกัดผู้เข้าร่วมพิธีเปิดดังกล่าวเพียง 1,000 คน จากความจุสนาม 68,000 ที่นั่ง ตามรายงานของสำนักข่าวเกียวโด
อย่างไรก็ตาม คู่แข่งที่สำคัญที่สุดของมหกรรมกีฬาโอลิมปิก คือ การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ทำให้การแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกปีนี้ ได้รับการขนานนามจากสื่อหลายสำนักว่าเป็น โอลิมปิกที่ไร้ความบันเทิง และผู้คนทั่วโลกอาจไม่ได้ให้ความสนใจกับการแข่งขันนี้อย่างที่เคย
จากการสำรวจโดยอิปซอส พบว่า 46% ในการสำรวจจาก 28 ประเทศทั่วโลก ยังให้ความสนใจกับโตเกียวโอลิมปิกอยู่ แต่มีเพียง 33% ที่สนับสนุนญี่ปุ่นให้เดินหน้าจัดการแข่งขันต่อไป ในการสำรวจของหนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน จากความกังวลว่าโตเกียวโอลิมปิก จะกลายเป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสในวงกว้างได้ จากที่เริ่มพบนักกีฬาโอลิมปิกติดโควิดหลายรายที่หมู่บ้านนักกีฬากรุงโตเกียวแล้ว
คำในข่าวสัปดาห์นี้ ขอเสนอคำว่า high five จากเนื้อหาในข่าวนี้ที่ว่า A prohibition on athlete high-fives and hugs. หมายความว่า ข้อห้ามนักกีฬาแตะมือและสวมกอดกัน
คำว่า high five เป็นสำนวนมาจาก high ที่เเปลว่าสูง และ five ซึ่งสื่อว่าคือฝ่ามือที่มีนิ้วมือทั้งห้า
ดังนั้น สำนวน high five คือ การที่ชูฝ่ามือขึ้นสูง แล้วเอามือตีกันกับอีกคนหนึ่งที่ชูมือขึ้นมาเช่นกัน ส่วนมากเพื่อเเสดงความยินดี
เมื่อพูดถึง high five แล้ว มาต่อกันที่คำศัพท์ที่เกี่ยวกับมือกันต่อ อย่างคำว่า fist bump เป็นคำนาม หมายถึง การที่คนสองคนกำมือเป็นหมัดแล้วเอามาชนกันเบาๆ เป็นการทักทายแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 หรือบางครั้งหมายถึงเราเห็นด้วยกับอีกคนหนึ่ง
จากกำปั้นมาที่นิ้วโป้งกันต่อ กับคำว่า thumbs up และ thumbs down
คำว่า thumb เป็นคำนามเเปลว่านิ้วโป้ง
ดังนั้นคำว่า thumbs up จะคล้ายกับสำนวน "ต้องยกนิ้วให้" เพื่อแสดงการยอมรับ หรือให้กำลังใจ
ไปดูการใช้คำว่า thumbs up ในประโยคกัน ตัวอย่างเช่น
When your children give your food thumbs up, stick with that recipe as long as you can.
หมายความว่า เมื่อลูกๆของคุณยกนิ้วให้กับอาหารที่คุณทำ จงยึดตามสูตรนั้นให้นานเท่านาน
แต่ในทางตรงข้ามคำว่า thumbs down จะแสดงความไม่เห็นด้วย ไม่ยอมรับ หรือการตำหนิ
ไปดูการใช้คำว่า thumbs down ในประโยคกัน ตัวอย่างเช่น
I would rate this spa with a thumb down. The service is good, but the place is poorly maintained.
หมายความว่า ฉันให้คะแนนสปาแห่งนี้ไม่ผ่านเลยนะ บริการโดยรวมก็ดี แต่สถานที่นี่ขาดการดูแลอย่างหนักเลยล่ะ
ต่อกันที่คำว่า fingers crossed คือการเอานิ้วมาไขว้กัน เพราะ fingers คือนิ้ว ส่วน crossed คือไขว้กัน ดังนั้นคำว่า fingers crossed เป็นสำนวนที่สื่อว่า กำลังลุ้นอยู่ หรือขอให้โชคดี
สมมติว่าใครบอกว่ากำลังจะรอผลสอบสำคัญอยู่ เเล้วคุณตอบว่า "Fingers crossed!" นั่นหมายถึงคุณกำลังจะบอกว่า ช่วยลุ้นให้โชคดีในการสอบนะ
และคำว่า face palm มาจากคำว่า face ที่เเปลว่าใบหน้า และคำว่า palm คือฝ่ามือ เมื่อมารวมกัน จะหมายถึง การมือเอามาปิดหน้า เหมือนสำนวน "กุมขมับ" หรือ “ก่ายหน้าผาก” แสดงถึงช่วงที่ผู้พูดเจอกับเหตุการณ์น่าปวดหัว หรือน่าอาย
ไปดูการใช้คำว่า face palm ในประโยคกัน ตัวอย่างเช่น
Honey, the plumber came by today, and he facepalmed when he saw how bad the pipe burst is.
หมายความว่า ที่รัก วันนี้ช่างประปาแวะมาน่ะ และเขาถึงกับกุมขมับเลยเมื่อได้เห็นสภาพท่อน้ำระเบิดว่าหนักหนาขนาดไหน
มาที่คำว่า hands down สำนวนนี้ แปลว่า อย่างชัดเจน หรือ อย่างง่ายดาย อย่างไม่ต้องสงสัย
ซึ่งตรงกับคำคมส่งท้ายคำในข่าววันนี้ จาก เคท ดิคามิลโล (Kate DiCamillo) นักเขียนชาวอเมริกัน ซึ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่า
Hands down, the biggest thrill is to get a letter from a kid saying, I loved your book. Will you write me another one?
หมายความว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุด คือ การได้รับจดหมายจากเด็กที่บอกว่า ฉันชอบหนังสือของคุณมาก คุณช่วยเขียนหนังสืออีกเล่มได้ไหม?