รัฐบาลนิวซีแลนด์เริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 5 ถึง 11 ปี ในวันจันทร์ โดยเลือกใช้วัคซีนสำหรับเด็กที่พัฒนาโดยบริษัทยา ไฟเซอร์ (Pfizer) โดยทางการได้จัดส่งวัคซีนดังกล่าวเป็นจำนวนกว่า 120,000 โดสไปยังศูนย์ฉีดวัคซีน 500 แห่งทั่วประเทศเพื่อรอแจกจ่ายแล้ว
นพ.แอนโธนี จอร์แดน ผู้อำนวยการโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของเมืองโอ๊คแลนด์ ระบุในแถลงการณ์ว่า “การรับวัคซีนในเวลานี้ คือ หนทางที่สำคัญในการปกป้องเด็กๆ ก่อนที่จะกลับเข้าเรียนในชั้นเรียนอีกครั้ง” และว่า “มีหลักฐานที่ได้แสดงให้เห็นว่า ในกรณีที่มีการติดเชื้อโควิด เด็กๆ นั้นอาจมีอาการป่วยแบบไม่รุนแรง แต่บางคนอาจป่วยหนักมากและต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งหมายความว่า การรับวัคซีนนั้นจะช่วยป้องกันเด็กทั้งหลายไม่ให้แพร่เชื้อไปยังสมาชิกในครอบครัวที่มีสุขภาพอ่อนแอได้”
ส่วนที่สหรัฐฯ นั้น นพ.วิเวก เมอร์ธี แพทย์ใหญ่สหรัฐฯ ให้ความเห็นระหว่างการให้สัมภาษณ์กับรายการ State of the Union เมื่อวันอาทิตย์ว่า การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนนั้น ยังไม่ถึงจุดที่รุนแรงที่สุดในเวลานี้ และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า สถานการณ์น่าจะหนักหน่วงขึ้นอีก
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอังกฤษเริ่มลดระยะเวลาแยกตัวออกมาเฝ้าระวังอาการโควิด-19 จาก 10 วัน มาเป็น 5 วันเต็ม ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไปแล้ว
ซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนมาตรการดังกล่าวสะท้อนภาพการดำเนินการที่ “สมน้ำสมเนื้อและได้สมดุล” เพื่อเอื้อให้ประชาชนมีอิสรภาพเพิ่มขึ้นและลดแรงกดดันต่อการให้บริการสาธารณะต่างๆ ในช่วงฤดูหนาวที่กำลังดำเนินอยู่นี้