นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ประกาศขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการล็อคดาวน์ไปอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะ “ช่วงเวลาที่มีความท้าทายมากที่สุดช่วงหนึ่งภายใต้สถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19”
ในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น นิวซีแลนด์รายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 43 ราย ซึ่งเป็นกรณีการแพร่ระบาดภายในประเทศ โดยรัฐบาลกรุงเวลลิงตันระบุว่า การพบผู้ป่วยใหม่ชุดนี้ถือเป็นกรณีที่มีความสำคัญ แม้ตัวเลขจะไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับกรณีของประเทศอื่นๆ ก็ตาม
นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่มา นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อทั้งหมดราว 4,700 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตไปทั้งหมด 28 ราย
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางการเมืองโอ๊คแลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่ประชากรมากที่สุดในประเทศ ที่ 1.7 ล้านคน ประกาศคงการระวังภัยที่ระดับ 3 ต่ออีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ โดยภายใต้มาตรการนี้ ทางการมีอำนาจจำกัดการเดินทางและประกาศให้ประชาชนต้องสวมใส่หน้ากากขณะเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
นอกจากโอ๊คแลนด์แล้ว เมืองใกล้เคียงอย่าง ไวคาโต และ นอร์ทแลนด์ ก็ประกาศดำเนินมาตรการดังกล่าวเช่นกัน
นายกรัฐมนตรี อาร์เดิร์น ย้ำว่า มาตรการล็อคดาวน์นั้นเป็นแผนงานที่มีความสำคัญ พร้อมย้อมรับว่า การดำเนินแผนงานนี้จะทำให้ประชาชนในโอ๊คแลนด์ใช้ชีวิตลำบากขึ้น แต่รัฐบาลต้องเดินหน้าจัดการกับการระบาดนี้เพื่อให้ค่าตัวเลขการแพร่เชื้อลดต่ำลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
นอกจากประเด็นการจำกัดการเดินทางและการบังคับการใส่หน้ากากแล้ว ครูและผู้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนงานด้านสาธารณสุขและผู้พิการต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วย
อย่างไรก็ตาม อนานิช โชดูรี ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งโอ๊คแลนด์ เชื่อว่า มาตรการล็อคดาวน์นั้นเป็นวิธีการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อไวรัสที่ผิด และแนะว่า ควรจะมีการดำเนินมาตรการปกป้องคุ้มครองแบบเฉพาะจุดสำหรับกลุ่มผู้มีความเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ มากกว่า พร้อมเตือนว่า ประชาชนเริ่มมีความไม่พอใจมากขึ้นแล้ว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี อาร์เดิร์น ประกาศว่า มาตรการล็อคดาวน์แบบเข้มข้นนี้จะยุติลงต่อเมื่อ 90 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในนิวซีแลนด์ที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว โดยหน่วยงานด้านสาธารณสุขเปิดเผยในวันอังคารว่า ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 58 เปอร์เซ็นต์ในเวลานี้