สื่อนิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ผู้ผลิตวัคซีนในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวัคซีนโควิด-19 ที่ดีที่สุด ได้ขายวัคซีนเกือบทั้งหมดให้กับประเทศร่ำรวยและทำรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ ขณะที่ปล่อยให้ประเทศยากจนรอคอยวัคซีนเหล่านั้นด้วยความหวัง
นิวยอร์กไทมส์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลของบริษัทแอร์ฟินิตี (Airfinity) ซึ่งติดตามการขนส่งและแจกจ่ายวัคซีนไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พบว่า โมเดอร์นาได้จัดส่งวัคซีนโควิดให้ประเทศยากจนไปแล้วราว 1 ล้านโดสเท่านั้น
เทียบกับบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ที่จัดส่งไปแล้ว 8.4 ล้านโดส และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson and Johnson) ที่ส่งไปแล้ว 25 ล้านโดสให้แก่ประเทศรายได้ต่ำ
นิวยอร์กไทมส์ เผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลของประเทศรายได้ปานกลางหลายประเทศต่างรายงานว่า ประเทศของตนต้องจ่ายเงินค่าวัคซีนของโมเดอร์นา แพงกว่าที่รัฐบาลสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปต้องจ่ายอีกด้วย
ยูเอ็น-อนามัยโลก เผยยุทธศาสตร์ฉีดวัคซีนโควิดให้ประชากรโลก 40% ภายในปีนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN) แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส และผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ร่วมเปิดตัวยุทธศาสตร์ใหม่ โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชากรโลก 40% ภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 70% ภายในช่วงกลางปีหน้า
นายกูเตอร์เรส กล่าวในการแถลงข่าวในวันพฤหัสบดีว่า ขณะนี้ทั่วโลกสามารถผลิตวัคซีนโควิดได้เกือบ 1,500 ล้านโดสต่อเดือน ดังนั้นน่าจะสามารถไปถึงประชากรในทุกประเทศได้ถึง 40% ก่อนสิ้นปีนี้ หากสามารถจัดหาเงินทุน 8,000 ล้านดอลลาร์สำหรับใช้ในการแจกจ่ายวัคซีนเหล่านั้นได้อย่างเท่าเทียม
เลขาฯ ยูเอ็น กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า "การไม่สามารถแจกจ่ายวัคซีนอย่างเท่าเทียมได้นั้นไม่ได้ทำให้เกิดคำถามเรื่องความไม่ถูกต้องดีงามเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดคำถามเรื่องความโง่เขลาเบาปัญญาด้วย"
และว่า การที่ประเทศพัฒนาแล้วเร่งผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนเข็มสองเข็มสามจะไม่ได้ผลอะไรเลย หากส่วนอื่นๆ ของโลกยังคงไม่ได้ฉีดวัคซีน และมีการกลายพันธุ์ของเชื้อโคโรนาไวรัสเกิดขึ้นเรื่อยๆ
ด้านนายเกเบรเยซุส กล่าวว่า ขณะนี้มีการแจกจ่ายวัคซีนไปแล้ว 6,500 ล้านโดสทั่วโลก และขาดอีก 5,000 ล้านโดสเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ประชากรโลก 70% ภายในกลางปีหน้า ซึ่งสามารถทำได้หากพิจารณาจากอัตราการผลิตวัคซีนในทุกวันนี้
เขากล่าวว่า ปัญหาตอนนี้คือไม่ใช่การผลิตไม่เพียงพอ แต่เป็นปัญหาที่การกระจายวัคซีนเหล่านั้นมากกว่า
ผู้อำนวยการ WHO บอกว่า การทำให้เป้าหมาย 40% ภายในปีนี้เกิดขึ้นได้นั้น จะต้องมีการปรับเปลี่ยนลำดับขั้นก่อนหลังของประเทศที่จะได้รับวัคซีนบริจาคจากโครงการโคแวกซ์ (COVAX) กล่าวคือ ประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนเกิน 10% แล้วควรเสียสละให้ประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำเป็นประเทศที่ได้รับวัคซีนบริจาคก่อน