นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โยชิฮิเดะ ซูกะ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว มีแผนเดินทางเยือนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนการแผ่ขยายอิทธิพลสหรัฐฯ พร้อมไปกับการคานอำนาจจีนในภูมิภาคนี้
นายกรัฐมนตรีซูกะมีแผนเยือนอินโดนีเซียและเวียดนาม ซึ่งต่างมีกรณีพิพาทกับจีนในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ ซึ่งที่ผ่านมาทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ต่างกล่าวอ้างสิทธิและเสรีภาพในการเดินเรือในน่านน้ำบริเวณนี้
ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นเองก็กำลังมีข้อพิพาทกับจีนในการอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนตะวันออก หลังจากที่เครื่องบินรบจีนล่วงล้ำเข้ามาในน่านฟ้าเหนือดินแดนดังกล่าวหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายน นายซูกะถูกมองว่ามุ่งเน้นที่การจัดการปัญหาในประเทศเป็นหลัก โดยที่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการต่างประเทศ แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ผู้นี้จะเดินตามแนวนโยบายเดิมของนายกรัฐมนตรีชินโซ่ อาเบะ คือการสนับสนุนสหรัฐฯ และต้านอิทธิพลของจีน
อาจารย์เจฟฟรีย์ คิงสตัน แห่งมหาวิทยาลัย Temple เชื่อว่า การเดินทางเยือนประเทศในอาเซียนครั้งนี้ถือเป็นความพยายาม 'สยายปีกทางการทูต' ของนายกฯ คนใหม่ของญี่ปุ่นผู้ถูกมองว่าไม่เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ
อาจารย์คิงสตันมองว่า ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับอินโดนีเซียและเวียดนามในฐานะผู้นำของกลุ่มอาเซียน โดยอินโดนีเซียคือประเทศขนาดใหญ่ที่มีประชากรมากถึง 267 ล้านคน ขณะที่เวียดนามกำลังดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปัจจุบัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลกรุงโตเกียวเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีของ 4 ประเทศในกลุ่ม “Quad”ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลีย ซึ่งล้วนต้องการต้านทานอำนาจของจีนในแถบอินโด-แปซิฟิก เช่นกัน