รัฐบาลทหารเมียนมาเตรียมผ่านกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ฉบับใหม่ออกมาใช้งาน ซึ่งจะมีผลให้ทางการมีอำนาจสั่งห้ามใช้งานอินเตอร์เน็ตในประเทศ ขณะที่ กลุ่มนักเคลื่อนไหวสิทธิ์ด้านดิจิทัลและกลุ่มธุรกิจต่างๆ ออกมาประณามเรื่องนี้กันถ้วนหน้า
รายงานข่าวระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวที่รัฐบาลทหารเปิดตัวออกมาเมื่อปีที่แล้ว และใช้เวลาผ่านกระบวนการต่างๆ นานพอสมควร ท่ามกลางเสียงคัดค้านอย่างกว้างขวางจากประชาชนและกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งหลาย น่าจะมีการบังคับใช้อย่างเป็นทางการได้ภายในสัปดาห์หน้านี้แล้ว
ประชาชนที่อาศัยในเมียนมานั้นพึ่งพาการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างหนักเพื่อเข้าถึงข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อความนิยมในแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟสบุ๊ค อยู่ในระดับสูง แต่หลายรายมีปัญหาการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตมาตั้งแต่เมื่อกองทัพเมียนมายึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว และทำการควบคุมหน่วยงานกำกับดูแลกิจการด้านโทรคมนาคมไปด้วย
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา กองทัพเมียนมามักสั่งปิดการให้บริการอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ พร้อมๆ กับการปิดกั้นการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ รวมทั้งทำการเซนเซอร์ข้อมูลทั้งหลายที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ ด้วยการอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ
ออง ทู เนียน นักวิเคราะห์ด้านการเมือง บอกกับ วีโอเอ ว่า ความพยายามผ่านกฎหมายใหม่ของรัฐบาลทหารนั้นจะส่งผลร้ายรุนแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้นมา เพราะข้อมูลเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับนี้ที่เล็ดรอดออกมาถึงตาประชาชนแสดงให้เห็นว่า นี่คือกฎหมายที่มีความเข้มงวดที่สุดและจะจำกัดเสรีภาพรวมทั้งความเป็นส่วนตัวของผู้คนอย่างมากที่สุดด้วย ทั้งยังอาจเป็น “อุปสรรคต่อพัฒนาการด้านเทคโนโลยี มีผลห้ามไม่ให้มีการใช้เหรียญดิจิทัล และเทคโนโลยีบล็อกเชนทั้งหลาย รวมทั้งเทคโนโลยีอื่นๆ ด้วย”
นอกจากนั้น ข้อมูลจากบริษัท TOP10VPN ระบุว่า เมียนมาเคยตกอยู่ในภาวะไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้งานนานที่สุดเป็นเวลา 72 วันติดต่อกันเมื่อปีที่แล้ว และการปิดระบบอินเตอร์เน็ตโดยรัฐบาลทหารยังนำมาซึ่งการสูญเสียทางเศรษฐกิจด้วย ขณะที่ ข้อมูลจากธนาคารโลก และ The International Telecommunication Union รวมทั้ง Eurostat และ สำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐฯ ต่างชี้ว่า เมียนมาสูญเสียรายได้ไปแล้วถึงเกือบ 3,000 ล้านดอลลาร์เพราะมาตรการปิดระบบอินเตอร์เน็ต
