สำนักงานดับเพลิงเมียนมา รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 162 คน จากเหตุการณ์ดินถล่มที่เหมืองแร่หยกแห่งหนึ่งในรัฐคะฉิ่น ทางเหนือของเมียนมา ขณะที่เชื่อว่ายังมีผู้ที่ติดอยู่ใต้เหมืองที่ถูกดินถล่มทับอีกหลายคน ตามรายงานของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ดินถล่มครั้งนี้เกิดจากฝนที่ตกหนักบริเวณเมืองพากัน ซึ่งมีเหมืองหยกหลายแห่ง ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น
จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 162 ศพ และมีผู้บาดเจ็บที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 54 คน โดยคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจมากกว่านี้
ภาพที่โพสต์ทางเฟสบุ๊คแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันดึงศพขึ้นมาจากโคลนและพากันแบกขึ้นไปตามทางเดินแคบ ๆ ที่มีน้ำท่วม โดยสภาพอากาศที่ยังมีฝนตกหนักทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระงับภารกิจกู้ภัยชั่วคราว
ปัจจุบัน เมียนมาผลิตหยกราว 70% ของตลาดโลก และเมืองพากันคือพื้นที่ที่มีเหมืองหยกมากที่สุดในโลก
เหตุการณ์ดินถล่มและอุบัติเหตุตามเหมืองอัญมณีต่าง ๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้งในเมียนมา โดยเหมืองจำนวนมากเป็นเหมืองเถื่อนในป่าลึกที่อยู่ห่างไกลการควบคุมของเจ้าหน้าที่และมีสภาพการทำงานที่เสี่ยงอันตราย
เมื่อปีที่แล้ว เกิดเหตุโคลนถล่มที่เหมืองหยกแห่งหนึ่งในเมืองพากัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 50 คน และเมื่อ 5 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 113 คน
องค์กร Global Witness ประเมินไว้เมื่อปี ค.ศ. 2014 ว่า อุตสาหกรรมหยกของเมียนมามีมูลค่าราว 31,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นตัวเลขเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าจีดีพีของเมียนมาในปีนั้น
ขณะที่รายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมามีการบังคับใช้แรงงานจำนวนมาก ประกอบกับปัญหายาเสพติดในรัฐคะฉิ่น ทำให้มีคนงานเหมืองจำนวนมากที่ติดยาด้วยเช่นกัน