ถ้ามานั่งนับนิ้วกันเล่นๆ จะมีภาพยนตร์สักกี่เรื่อง ที่จะมีพระเอกนักบู๊โลดแล่นในภาพยนตร์เรื่องเดียวกันจนถึง 6 ภาครวดแบบไม่ต้องเปลี่ยนตัวนักแสดงกันได้
เห็นจะมีแต่ภารกิจเหนือมนุษย์ อย่างภาพยนตร์ Mission Impossible ที่อยู่คู่วงการหนังโลกมากว่า 22 ปี โดยที่ยังได้ ทอม ครูซ มารับบทพระเอกตลอดกาลอยู่ในภาคนี้
Mission Impossible: Fallout ว่าด้วยภารกิจของอีธาน ฮันท์ ที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น เดือดร้อน CIA ต้องมาตามล้างตามเช็ด และต้องได้ ออกัส วอล์คเกอร์ คู่หูจำเป็นจาก CIA มาประกบระหว่างภารกิจ เพื่อหยุดยั้งการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ขององค์กร The Syndicate ที่มีโซโลมอน เลน คู่ปรับของอีธานอยู่เบื้องหลัง
แต่ภารกิจนี้ อีธานไม่ได้เปล่าเปลี่ยว เพราะได้ความร่วมมือจาก เบนจี้ และลูเธอร์ ทีมคู่บุญ
ทว่าในภารกิจสุดโหดนี้ อีธาน ก็ต้องพบเจอกับ 2 สาว จูเลียและอิลซ่า ที่เป็นความหลังครั้งเก่าของเขาอีก
จุดขายของ Mission Impossible คือ ร่วมลุ้นและเอาใจช่วยให้อีธาน ฮันท์ พิชิตภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งในภาคนี้เรียกได้ว่าระดมใส่ภารกิจเหนือมนุษย์กันมาแบบไม่ยั้ง ดูกันแบบเต็มอิ่มและลุ้นจนไม่กล้าลุกไปไหน
การดำเนินเรื่องเร็วเป็นโจทย์สำคัญที่ผู้กำกับต้องใส่ทั้งความแอคชั่น บทหักเหลี่ยมเฉือนคม และดราม่าเข้าไปแน่นเรื่อง ในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งของหนัง แต่ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเนือยในช่วงของดราม่าแต่อย่างใด
ส่วนตัวชื่นชอบความดราม่าของเรื่องที่ทอม ครูซ พยายามให้น้ำหนักกับการแสดงฉากดราม่ากับ 2 สาวในเรื่อง ได้พอๆกับฉากบู๊อันสุดทุ่มเทแบบยอมหักไม่ยอมงอกันเลยทีเดียว แต่ก็เริ่มเห็นความโรยราของพี่ทอมไปบ้าง ถ้าเปรียบเทียบกับภาคก่อนๆ ส่วนพ่อหนุ่มซูเปอร์แมนยุคใหม่ เฮนรี คาวิลล์ ก็ถือว่าขโมยซีนไปได้หลายฉาก
สำหรับหลายคนที่กังวลว่า จำเป็นต้องดู 5 ภาคเก่าย้อนหลัง เพื่อทำความเข้าใจกับภาพยนตร์หรือไม่ แนะนำให้ชม Mission Impossible: Rogue Nation หรือภาคก่อนหน้านี้ไปให้พอเข้าใจตัวเรื่องบ้างก็ดี
(รับฟังวีโอเอไทย คุยหนัง Mission Impossible 6 จากส่วนหนึ่งในรายการ "สุดสัปดาห์กับวีโอเอ")
