ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่คุกรุ่นระหว่างสหรัฐฯและจีน ผู้ที่สนใจการเมืองระหว่างประเทศจับตาการหาแนวร่วมโดยฝ่ายอเมริกา
ตัวอย่างล่าสุดเห็นได้ในกรณีของอังกฤษพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯ ที่พยายามสานสัมพันธ์การค้ากับจีน
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ อยู่ระหว่างเดินทางเยือนกรุงลอนดอน เพื่อพบกับนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงในการตัดสินใจห้ามบริษัทหัวเหว่ยของจีนร่วมพัฒนาโครงการ 5 จี ของอังกฤษ
สหรัฐฯ พยายามโน้มน้าวในอังกฤษ ทำเช่นนั้นมาเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว และเมื่อผลออกมาเช่นนั้น นักวิเคราะห์เห็นว่า อังกฤษมีท่าทีที่คล้องจองกับสหรัฐฯมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตในวันจันทร์เพื่อชื่นชมการตัดสินใจเรื่องหัวเหว่ยของนายกฯจอห์นสัน
รัฐมนตรีพอมเพโอ กล่าวหลังการหารือกับ นายบอริส จอนห์นสัน ว่าความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานของทั้งสองประเทศเป็นพื้นฐานที่ดีต่อการคุยกันในวันนี้อย่างตรงไปตรงมา ในเรื่องต่างๆ ตั้งแต่เทคโนโลยีโทรคมนาคม 5 จี และการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯและอังกฤษ
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังได้ชื่นชมอังกฤษที่แสดงจุดยืนที่ไม่อ่อนข้อต่อจีน ทั้งในเรื่องหัวเหว่ยและฮ่องกง ซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
ไมค์ พอมเพโอกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ ต้องการให้ทุกประเทศทำงานร่วมกันเพื่อต้านความพยายามของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
นักวิเคราะห์กล่าวว่ากรณีการตัดสินใจเรื่องหัวเหว่ยเป็นบททดสอบสำคัญ ของอังกฤษที่เคยโน้มเอียงไปในที่จะให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนรายนี้เข้าช่วยพัฒนาระบบการติดต่อสื่อสาร 5 จี
ด้านหนึ่งจีนดำเนินโยบายเข้าหาอังกฤษอย่างเเข็งขัน เพื่อให้ได้มาซึ่งความสัมพันธ์ทางการค้า ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2016 ที่มีการลงประชามติให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิต
แต่อีกด้านหนึ่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอังกฤษ ต้องการให้รัฐบาลกรุงลอนดอน เป็นแนวร่วมในการคานอำนาจของทางการปักกิ่ง
การเดินเกมอย่างรักษาสมดุลของอังกฤษทำได้ยากขึ้นเรื่อยๆเมื่อสหรัฐฯโต้เเย้งกับจีนเรื่องการระบาดของโคโรนาไวรัส และเมื่อจีนยกระดับท่าทีที่เเข็งกร้าวทั้งในประเด็นทะเลจีนใต้ และเรื่องกฎหมายต่อกาะฮ่องกง
ในสัปดาห์นี้ อังกฤษประกาศระงับความตกลงส่งผู้ต้องสงสัยข้ามแดนกับฮ่องกง เพื่อเป็นการตอบโ้ต้จีนแผ่นดินใหญ่ที่ประกาศกฎหมายรักษาความมั่นคงต่อเกาะแห่งนี้
และรัฐบาลกรุงลอนดอนยังได้ใช้มาตรการลงโทษทางการค้า โดยการไม่ขายเครื่องมือหรืออาวุธที่อาจใช้ในการกดขี่ประชาชนภายในของฮ่องกง
รัฐมนตรีต่างประเทศ โดมินิค ราบของอังกฤษกล่าวว่ามาตรการนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น และ ‘สมนำ้สมเนื้อ’ กับการที่ปักกิ่งใช้กฎหมายความมั่นคงต่อฮ่องกง
จีนตอบโต้ในวันจันทร์ว่า อังกฤษจะต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาจากการกระทำครั้งนี้ และว่าอังกฤษ ‘เดินทางผิดโดยไม่สนใจจุดยืนที่ขึงขังของจีน’ ทางการปักกิ่งกล่าวด้วยว่า เรื่องฮ่องกงเป็นเรื่องภายในของจีน และอังกฤษต้องยุติการแทรกแซงโดยทันที
และการตัดสินใจกลับลำของอังกฤษเรื่องหัวเหว่ย น่าจะทำลายโอกาสที่รัฐบาลลอนดอนจะสามารถโน้มน้าวจีนในเรื่องการค้าที่กำลังเจรจากันอยู่ โดยอังกฤษเคยหวังว่าการค้ากับจีนจะมาทดแทนรายได้ที่หายไปเนื่องจากเบร็กซิต
นั่นอาจหมายความว่า บริษัทอังกฤษอย่างเช่น AstraZeneca, GlaxoSmithKline, Burberry และ Jaguar Land Rover ซึ่งมีธุรกิจอยู่ในจีนต้องรีบตั้งรับให้ทันกับการตอบโต้กลับของทางการปักกิ่ง ในอีกไม่ช้านี้