นักวิจัยที่ Max Planck Institute for Chemistry และที่ Cyprus Institute กล่าวว่า จำนวนวันที่มีอากาศร้อนจัดในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัวในช่วงเวลากว่าสามสิบปีที่ผ่านมา
Jos Lelieveld ผู้อำนวยการของ Max Planck Institute และศาสตราจารย์ที่ Cyprus Institute บอกว่าผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในส่วนใหญ่ของตะวันออกกลางและแอฟริกาตอนเหนือ อาจเป็นอันตรายต่อผู้คนได้
มีประชากรอยู่ในตะวันออกกลางมากกว่า 500 ล้านคนในเวลานี้
นักวิจัยให้ความเห็นว่า แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกถูกจำกัดไว้ไม่ให้สูงเกิน 2 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิในช่วงก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่อุณหภูมิหน้าร้อนในบริเวณดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นสองเท่าตัวอย่างรวดเร็วกว่าส่วนอื่นๆ ในโลก
งานวิจัยชิ้นนี้คาดว่าภายในกลางศตวรรษนี้ อุณหภูมิในบริเวณนี้ตอนกลางวันอาจสูงขึ้นถึง 50 องศาเซลเซียส คลื่นความร้อนจะเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า ในขณะที่จำนวนวันร้อนจัดโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 80 วันจากที่มีขณะนี้ 16 วันต่อปี
รองศาสตราจารย์ Panos Hadjinicolaou ที่ Cyprus Institute เตือนว่า ถ้ามนุษย์ยังไม่ลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลง วันร้อนจัดในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 วัน
นอกจากนี้ มลภาวะทางอากาศในรูปของฝุ่นในบรรยากาศเหนือประเทศซาอุดิอาระเบีย อิรัก และซีเรียได้เพิ่มขึ้นไปแล้ว 70% นับตั้งแต่เริ่มคริสต์ศตวรรษใหม่นี้
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องบรรยากาศโลกทั้งสองคนนี้ สร้างหุ่นจำลองการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์สองรูปแบบ
รูปแบบหนึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ อีกรูปแบบหนึ่งให้มีการลดแก๊สเรือนกระจกลง
ผลปรากฏว่า อนาคตของมนุษยชาติไม่ค่อยจะแจ่มใสนัก และนักวิจัยทั้งสองคนนี้บอกว่า ถ้าสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือไม่เปลี่ยนแปลง ก็จะมีผู้คนอพยพออกไปตามที่ต่างๆ ในโลกมากขึ้น