มาเลีย โอบามา ลูกสาวคนโตของประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังเป็นผู้จุดกระแสที่เรียกว่า “Gap Year” ในหมู่นักเรียนที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย หลังจากที่เธอได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัย Harvard ให้เข้าเรียนเป็นนิสิตใหม่
แต่มาเลียวัย 17 ปี จะยังไม่เริ่มเข้าศึกษาที่ Harvard ไปอีกหนึ่งปีหลังจากนี้ เพราะเธอต้องการใช้เวลาที่เรียกว่า Gap Year ให้กับสิ่งที่อยากทำก่อนเริ่มเข้ารั้วมหาวิทยาลัย
Gap Year หรือปีที่เป็นช่องว่างคั่นชีวิตนักเรียนมัธยมปลายกับชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่ใช่สิทธิพิเศษสำหรับลูกบุคคลสำคัญ แต่เป็นทางเลือกที่เด็กหนุ่มสาวอเมริกันสามารถใช้เวลาหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ไปค้นหาตนเอง
มหาวิทยาลัยเก่าแก่ของสหรัฐฯ เช่น Harvard และสถาบันระดับ Ivy League อื่นๆ จำนวนไม่น้อยสนับสนุนให้นักเรียนที่เข้าสถาบันของตน ได้พิจารณาข้อดีของ Gap Year
Harvard เขียนไว้ในเว็บไซท์ว่า นักเรียนยุคปัจจุบันผ่านการแข่งขันที่ตึงเครียดมาในช่วงก่อนสมัครเข้ามหาวิทยาลัย นักการศึกษาจึงเชื่อว่าการใช้เวลาก่อนเข้าเรียนเพื่อสะท้อนถึงชีวิตช่วงที่ผ่านมาจึงน่าจะมีประโยชน์
William Fitzsimmons คณะบดีฝ่ายคัดนักศึกษาเข้าเรียนที่ Harvard และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยอีกสองคน เคยเขียนข้อสังเกตเกี่ยวกับนักเรียนรุ่นใหม่ว่า ความเครียดช่วงเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยทำให้นักเรียนจำนวนหนึ่งจิตตก และมีความเสี่ยงที่จะดำเนินชีวิตมหาวิทยาลัยไปในเส้นทางที่เป็นอันตรายต่อตนเอง เช่น การขาดความยับยั้งชั่งใจในการดื่มแอลกอฮอล์
การใช้เวลาพักจากตำราก่อนเข้ามาเรียน เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถเลี่ยงผลด้านลบเหล่านี้ได้ คณะบดี Fitzsimmons เขียนไว้ว่าเท่าที่ผ่านมา การใช้ Gap Year สร้างผลลัพธ์ที่ดีในกลุ่มนักเรียนจำนวนมาก
หลังจากการตัดสินใจใช้ Gap Year ของ มาเลีย โอบามา ทางผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัย Florida State โจ โอเชีย กล่าวว่า ข่าวนี้จุดกระแสความสนใจเรื่องการพักก่อนเข้าเรียนหนึ่งปีครั้งใหญ่ที่สุด
ปัจจุบันมีธุรกิจและสมาคมรองรับการใช้ Gap Year ของนักเรียนอเมริกันมากมาย
สมาคม American Gap Association ระบุว่าแต่ละปีมีนักเรียนสามหมื่นถึงสี่หมื่นคน เลือกที่จะใช้เวลาหนึ่งปีค้นหาตัวเอง ทำงานหรือพักผ่อนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย แต่คนจำนวนหนึ่งเห็นว่าการใช้ Gap Year เป็นเรื่องของคนที่ฐานะดี เพราะการท่องเที่ยวเพื่อเปิดโลกทัศน์ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยม มีค่าใช้จ่ายไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม มีนักเรียนหลายคนที่ทำงานช่วงรอเข้ามหาวิทยาลัยหรือหาทุนท่องเที่ยวจากสถาบันต่างๆ ดังนั้น Gap Year จึงไม่ใช้ทางเลือกสำหรับลูกคนรวยเสมอไป
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร วันที่เข้ารั้วมหาวิทยาลัยก็ต้องมาถึง และคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงจะใจหายที่ลูกซึ่งอยู่ใกล้ชิดกันมาต้องย้ายรัฐไปเรียนมหาวิทยาลัยที่รัฐอื่น
แม้ผู้นำประเทศอย่างประธานาธิบดีโอบามา ก็ยังเคยบอกว่าไม่อยากจะคิดถึงวันที่มาเลียเรียนจบโรงเรียน Sidwell Friends ที่กรุงวอชิงตัน เพราะในวันนั้นตนอาจจะต้องใส่แว่นดำบิดบังอารมณ์สะเทือนใจ
แม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาที่วันหนึ่งลูกต้องก้าวออกจากบ้านไปสู่อีกบทหนึ่งของชีวิต เช่นเดียวกับเด็กๆ อีกหลายล้านคนในวัยเดียวกัน
(รายงานโดย Bruce Alpert เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)