ผู้นำสามประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ คือ สหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก ร่วมประชุมที่กรุงเม็กซิโกซิตี้ โดยมุ่งเน้นหารือด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด แห่งแคนาดา เดินทางเยือนกรุงเม็กซิโกซิตี้ เพื่อร่วมหารือกับประธานาธิบดี อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโก ในการประชุมที่เรียกว่า "3 อะมีโก" หรือ สามพันธมิตร
ในวันอังคาร ผู้นำทั้งสามคนหารือกันในเรื่องความร่วมมือด้านมั่นคงและเศรษฐกิจ ต่อจากนั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และแคนาดาจะหารือกันต่อในประเด็นสงครามยูเครนและการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก
เมื่อคืนวันจันทร์ ปธน.ไบเดน และปธน.โลเปซ โอบราดอร์ หารือทวิภาคีกันเรื่องการค้า การผลิต และปัญหาผู้อพยพตามแนวพรมแดนของสองประเทศ โดยผู้นำเม็กซิโกเรียกร้องให้มีความร่วมมือกันมากขึ้นในด้านเศรษฐกิจ และการจัดการวิกฤติผู้อพยพ
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว กล่าวว่า "การเยือนครั้งนี้คือโอกาสที่ดีของประธานาธิบดีไบเดนในการกระชับความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีโลเปซ โอบราดอร์ และนายกรัฐมนตรีทรูโด"
ก่อนหน้าการเยือนเม็กซิโก ปธน.ไบเดน แวะที่เมืองเอลปาโซ รัฐเท็กซัส เพื่อตรวจสอบปัญหาการหลั่งไหลของผู้อพยพหลายพันคนจากอเมริกากลางและอเมริกาใต้มายังพรมแดนสหรัฐฯ และเม็กซิโก
การเยือนเอล ปาโซ ของผู้นำสหรัฐฯ เป็นการเยือนพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งปธน. และมีขึ้นหลังจากประกาศมาตรการให้ชาวคิวบา นิการากัว เฮติ และเวเนซูเอลา สามารถเข้าสหรัฐฯ ได้ราว 30,000 คนต่อเดือน และเปิดทางให้สามารถเข้าทำงานในสหรัฐฯ ได้ถูกต้องตามกฎหมายสูงสุดถึง 2 ปี ถ้ายื่นขออพยพเข้าสหรัฐฯ จากประเทศบ้านเกิดและผ่านการตรวจสอบประวัติต่าง ๆ แล้ว
แต่หากไม่มีคุณสมบัติตามที่กล่าวมา รัฐบาลไบเดนจะส่งตัวคนเหล่านี้กลับประเทศผ่านพรมแดนเม็กซิโก ตามเงื่อนไขของกฎหมาย Title 42 ที่นำมาใช้ในช่วงโควิดระบาดในสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บันทึกตัวเลขผู้อพยพที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศได้ถึง 2.38 ล้านคนบริเวณพรมแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2022 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อ 30 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้อพยพมากกว่าระดับ 2 ล้านคน และเกือบครึ่งหนึ่งของผู้อพยพจำนวนนี้ถูกจับกุมและส่งตัวกลับประเทศบ้านเกิดหรือประเทศต้นทางภายใต้อำนาจของกฎหมาย Title 42
- เนื้อหาบางส่วนจากเอพี