ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวในวันพุธว่า ประชาชนนับแสนชีวิต “ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำดื่มได้” เพียง 1 วันหลังจากเหตุระเบิดเขื่อนคาคอฟกา ทางตอนใต้ของยูเครน
ผู้นำยูเครนกล่าวว่า "โลกทั้งโลกจะต้องรู้เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมสงครามของรัสเซีย อาชญากรรมต่อสิ่งแวดล้อม การทำลายเขื่อนและโรงไฟฟ้าพลังน้ำคือการทำลายล้างสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ และรัสเซียจะต้องชดใช้"
ปธน.เซเลนสกี ทวีตข้อความด้วยว่าการทำลายเขื่อนดังกล่าว “เกิดขึ้นโดยเจตนาอย่างแน่นอน” และกล่าวหารัสเซียว่าไม่เข้ามาช่วยเหลือผู้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียในการรับมือกับผลกระทบของน้ำท่วม
ทางการยูเครนระบุว่าประชาชนกว่า 17,000 คนต้องอพยพจากพื้นที่รอบแม่น้ำดนิโปร และมี 40 เมืองและหมู่บ้านในการควบคุมของยูเครนที่จมอยู่ในน้ำท่วม ขณะที่ มีประชาชนกว่า 900 คน ที่อพยพจากพื้นที่ในการควบคุมของรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมอังกฤษ ให้ข้อมูลในรายงานสถานการณ์ประจำวันเมื่อวันพุธว่า “โครงสร้างของเขื่อนมีแนวโน้มที่จะเสียหายหนักขึ้นอีกใน 2-3 วันนี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักขึ้นอีก”
ฝั่งกรุงวอชิงตัน ทำเนียบขาวระบุในวันอังคารว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า อะไรคือสาเหตุของเขื่อนแตก แต่กำลังตรวจสอบรายงานที่ว่าการระเบิดมีต้นตอมาจากฝั่งรัสเซียอยู่
รัสเซียและยูเครนต่างกล่าวหากันและกันว่าเป็นต้นเหตุของการระเบิดเขื่อนที่อยู่ห่างจากเมืองเคอร์ซอนราว 70 กิโลเมตรแห่งนี้ และตัวแทนจากทั้งสองประเทศได้ขอให้ทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติร่วมหารือเรื่องนี้ในการประชุมฉุกเฉิน
มาร์ติน กริฟฟิธส์ (Martin Griffiths) เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านมนุษยธรรมและความช่วยเหลือฉุกเฉินของสหประชาชาติ กล่าวในการประชุมฉุกเฉินว่า “การทำลายเขื่อนโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาจเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนครั้งสำคัญที่สุด นับตั้งแต่การเริ่มรุกรานยูเครนของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022” และว่าตามกฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศครอบคลุมการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานอย่างเขื่อนอยู่ด้วย เนื่องจากการทำลายระบบดังกล่าวสามารถสร้างความสูญเสียให้กับประชาชนได้
กริฟฟิธส์ แสดงความกังวลถึงความเสี่ยงว่ามวลน้ำอาจทำให้ทุ่นระเบิดเคลื่อนย้ายที่หรือมีการปนเปื้อนสารพิษจากอาวุธสงครามซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชน
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนแสดงความกังวลถึงผลกระทบที่จะตามมาในด้านมนุษยธรรม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม หลังจากเหตุระเบิดเขื่อนทางตอนใต้ของยูเครน
- มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพี รอยเตอร์ และเอเอฟพี