Ketchup หรือ ซอสมะเขือเทศ เป็นเครื่องปรุงรสที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชนิดหนึ่งในสหรัฐฯ ซึ่งกำลังขาดตลาดเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส
Wall Street Journal มีรายงานว่า ยอดขายซอสมะเขือเทศเพิ่มขึ้นถึง 300% นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาด ทำให้เกิดปัญหาสินค้าขาดตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งซอสมะเขือเทศแบบเป็นซองที่ใช้ครั้งเดียวตามร้านฟาสท์ฟู้ด ขณะที่ความต้องการซอสมะเขือเทศขวดใหญ่ก็เพิ่มขึ้นมากถึง 15%
สาเหตุที่ทำให้ความต้องการซอสมะเขือเทศเพิ่มสูงขึ้น เป็นเพราะชาวอเมริกันหันมาซื้ออาหารกลับไปทานที่บ้านมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
บริษัท Kraft Heinz ผู้ผลิตซอสมะเขือเทศส่งร้านขายปลีกที่ครองตลาดราว 70% ในสหรัฐฯ ระบุว่า ทางบริษัทเริ่มผลิตซอสมะเขือเทศเพิ่มมากขึ้น และลดจำนวนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ลงในช่วงเริ่มต้นของการเกิดโรคระบาดใหญ่
ในอีเมล์ที่ สตีฟ คอร์แนลล์ ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ Kraft Heinz เขียนถึงสำนักข่าว NBC News ระบุว่า การที่ผู้บริโภครักและเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้าของ HEINZ มากกว่าแบรนด์อื่น ๆ ตลอดจนความร่วมมืออันยาวนานระหว่างบริษัทกับอุตสาหกรรมร้านอาหาร เป็นสิ่งที่ทางบริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
และนั่นคือเหตุผลที่มีการลงทุนในด้านยุทธศาสตร์การผลิตในช่วงเริ่มต้นของการเกิดโรคระบาด เพื่อให้ทันกับกระแสความต้องการซอสมะเขือเทศแบบเป็นซองที่ได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้คนซื้อหรือสั่งอาหารไปทานที่บ้านกันเพิ่มมากขึ้น และตอนนี้ทางบริษัทก็ยังคงพยายามไล่ตามความต้องการของผู้บริโภคให้ทัน โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 25%
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้ราคาซอสมะเขือเทศพุ่งสูงถึง 13% ทำให้ร้านอาหารบางแห่งลองใช้ซัพพลายเออร์รายอื่น หรือใช้วิธีใส่ซอสมะเขือเทศจากขวดใหญ่ลงในบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กลง
Long John Silver's เครือข่ายร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง บอกกับ Wall Street Journal ว่าทางร้านได้เพิ่มค่าใช้จ่ายในการซื้อซอสมะเขือเทศขึ้นถึง 500,000 ดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
ส่วน Texas Roadhouse steakhouse ร้านอาหารเครือข่ายอีกแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ใช้ซอสมะเขือเทศไป 55 ล้านออนซ์ในปี 2020 ซึ่งผู้บริหารบอกว่ากำลังมองหาซัพพลายเออร์รายอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่การระบาดใหญ่เริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว พบว่ามีการขาดแคลนผลิตภัณฑ์หลายชนิดในสหรัฐฯ อย่างเช่น กระดาษชำระ เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์สำหรับทำขนม และแม้แต่ตู้เย็น เป็นต้น