ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ออกคำสั่งฝ่ายบริหารในวันพฤหัสบดีเพื่อลงโทษชาวอิสราเอลในเวสต์แบงก์ 4 ราย ที่เข้าไปตั้งถิ่นฐานในบริเวณดังกล่าวและต้องสงสัยว่าทำร้ายชาวปาเลสไตน์ และนักรณรงค์เพื่อสันติภาพชาวอิสราเอล
บุคคลเหล่านี้จะไม่สามารถได้วีซ่าเข้าสหรัฐฯ ห้ามเข้าถึงระบบการเงินอเมริกัน และไม่ได้รับความร่วมมือในการทำธุรกรรมใด ๆ จากชาวอเมริกัน
คำสั่งฝ่ายบริหารของไบเดนระบุว่าคนเหล่านี้ก่อความรุนเเรง กระทำการอันเป็นภัยคุกคาม และพยายามทำลายหรือยึดทรัพย์สินของชาวปาเลสไตน์
เจ้าหน้าที่อเมริกันกล่าวว่ากำลังพิจารณาว่ามีบุคคลอื่นนอกจากนี้หรือไม่ที่อาจเกี่ยวข้องการการกระทำผิดที่เกิดขึ้น ซึ่งยกระดับขึ้นระหว่างสงครามอิสราเอล-ฮามาส
ท่าทีของไบเดนในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะเป็นการลงโทษประชาชนของอิสราเอลซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดกับอเมริกาในตะวันออกกลาง ซึ่งไบเดนเองก็เคยกล่าวว่า อิสราเอลมีสิทธิ์ในการป้องกันตนเอง
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ เคยกดดันให้รัฐบาลอิสราเอลให้ใช้ความยับยั้งชั่งใจมากขึ้นในปฏิบัติการทางทหารเพื่อขุดรากถอนโคนฮามาส
เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์กล่าวว่า ชาวปาเลสไตน์บางคนถูกสังหาร และหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าคนที่อยู่ในเวสต์แบงค์ก่อเหตุเผารถ และก่อความเสียหายต่อชุมชน 'เบดูอิน' เล็กๆ จนมีผู้ที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่
เจค ซัลลิเวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ความรุนเเรงที่เกิดขึ้นเป็นภัยคุกคามที่สำคัญค่อสันติภาพ ความปลอดภัยเเละความมั่นคงในเวสต์แบงก์ อิสราเอลและภูมิภาคตะวันออกกลาง และคุกคามสิ่งที่เป็นผลประโยชน์สหรัฐฯ ด้านความมั่นคงเเห่งชาติ และนโยบายต่างประเทศ"
นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮูกล่าวประณามการลงโทษของสหรัฐฯ ครั้งนี้
"ผู้ที่เข้าไปอยู่ในเวสต์แบงก์ส่วนใหญ่...เป็นประชาชนที่ทำตามกฎหมาย พวกเขาจำนวนมากกำลังต่อสู้ในฐานะทหารเกณฑ์และพลสำรอง เพื่อปกป้องอิสราเอล" เขากล่าว
- ที่มา: เอพี
กระดานความเห็น