กองทัพอิสราเอลเดินหน้าบุกค้นพื้นที่เขตเวสต์แบงก์ในวันอาทิตย์เพื่อจับกุมสมาชิกกลุ่มติดอาวุธฮามาส ซึ่งนำไปสู่การปะทะกับฝ่ายปาเลสไตน์ และทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บของทั้งสองฝ่าย
การปะทะกันระหว่างกองทัพอิสราเอลและกองกำลังปาเลสไตน์ครั้งล่าสุด ซึ่งมีความรุนแรงที่สุดในรอบหลายสัปดาห์ ส่งผลให้มีนายทหารปาเลสไตน์เสียชีวิต 5 นาย ขณะที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายอิสราเอลได้รับบาดเจ็บหนัก 2 นาย
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขตเวสต์แบงก์กลายมาเป็นพื้นที่ที่เกิดความรุนแรงและมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีสาเหตุมาจากโครงการก่อสร้างพื้นที่ตั้งถิ่นฐานของอิสราเอล และการเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ตอนเหนือของเวสต์แบงก์ รวมทั้ง ควันหลงจากสงครามนองเลือดระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในเขตฉนวนกาซ่าตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม
กองทัพอิสราเอลอ้างว่า ฝ่ายตนได้พยายามติดตามกลุ่มติดอาวุธฮามาสมาหลายสัปดาห์ และการบุกค้นครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้กับภัยคุกคามที่จวนตัวเข้ามา
นายกรัฐมนตรี นาฟตาลี เบนเนตต์ ของอิสราเอล กล่าวว่า กลุ่มติดอาวุธนี้กำลังวางแผนที่จะดำเนินการโจมตี “แบบเรียลไทม์” หรือแบบที่จะเกิดขึ้นได้ทันที พร้อมกล่าวสรรเสริญกองกำลังอิสราเอลที่ปฏิบัติหน้าที่ “ได้ตามคาด” และแสดงจุดยืนสนับสนุนกองทัพด้วย
กองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า กองกำลังทหารได้ทำการบุกค้นพื้นที่ต่างๆ 5 จุดพร้อมๆ กันและเจ้าหน้าที่ทหารเริ่มระดมยิงกลับหลังถูกยิงโจมตีก่อนใน 2 จุด
ขณะเดียวกัน กลุ่มฮามาสยืนยันว่า 4 ใน 5 ผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกของตน ขณะที่ เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์เปิดเผยว่า 1 ในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กหนุ่มวัย 16 ปี แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธหรือไม่
องค์การบริหารปาเลสไตน์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลพื้นที่กึ่งปกครองตนเองในเขตเวสต์แบงก์ ประณามการโจมตีจนเกิดการเสียชีวิตครั้งนี้ และกล่าวว่า รัฐบาลอิสราเอล “ต้องรับผิดชอบโดยตรงและอย่างเต็มที่ ต่อเหตุนองเลือดในเช้า(วันอาทิตย์)นี้ และต่ออาชญากรรมที่ก่อขึ้นโดยกองกำลังที่ทำหน้าที่ปกครอง” ขณะที่ กลุ่มฮามาสออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งปกครองพื้นที่ฉนวนกาซ่า หลังยึดพื้นที่มาจากองค์การบริหารปาเลสไตน์ในปี ค.ศ. 2007 กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้ เป็น “ผู้พลีชีพเยี่ยงวีรบุรุษ”