ลิ้งค์เชื่อมต่อ

อิรักอัดสหรัฐฯ กรณีระดมโจมตีใส่แบกแดด


ภาพรถยนต์คันหนึ่งที่ติดไฟลุกท่วม ในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อ 7 ก.พ. 2567 (Reuters)
ภาพรถยนต์คันหนึ่งที่ติดไฟลุกท่วม ในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อ 7 ก.พ. 2567 (Reuters)

อิรักออกมาวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ อย่างดุเดือดในวันพฤหัสบดี หลังกองทัพอเมริกันส่งโดรนเข้าโจมตีและสังหารผู้ที่ถูกระบุว่าเป็น หัวหน้ากลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านหนุนหลังอยู่ และเรียกปฏิบัติการดังกล่าวว่าเป็น “การลอบสังหารอย่างโจ่งแจ้ง” โดย “ไม่สนใจชีวิตของพลเรือนหรือกฎหมายระหว่างประเทศ” เลย

เยฮิอา ราซูล โฆษกนายกรัฐมนตรีอิรัก กล่าวว่า กลุ่มแนวร่วมที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งเดินหน้าทำปฏิบัติการในอิรักเพื่อต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State) “ยังเบี่ยงเบนไม่แสดงเหตุผลหรือจุดประสงค์ของการเข้ามาในเขตแดนของเราอย่างต่อเนื่อง”

ราซูล ระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า “การพุ่งเป้า[โจมตี]นี้บีบให้รัฐบาลอิรักจำเป็นต้องยกเลิกการทำภารกิจกับกลุ่มแนวร่วมนี้ยิ่งขึ้นกว่าเก่า เพราะ[ภารกิจนี้]ได้กลายมาเป็นปัจจัยสั่นคลอนเสถียรภาพและเป็นภัยคุกคามที่ดึงอิรักเข้าไปอยู่ในวังวนของความขัดแย้งแล้ว”

อิรักอัดสหรัฐฯ กรณีระดมโจมตีใส่แบกแดด
please wait

No media source currently available

0:00 0:02:43 0:00

กองบัญชาการภูมิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลาง (CENTCOM) ซึ่งรับผิดชอบปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางกล่าวว่า การโจมตีเมื่อวันอังคารได้สังหารผู้บัญชาการของกลุ่มติดอาวุธ กาตาอิบ เฮซบอลลาห์ (Kataib Hezbollah) ผู้ซึ่ง “รับผิดชอบการวางแผนและเข้าร่วมโดยตรงในการโจมตีกองกำลังสหรัฐฯ ในภูมิภาค[นี้]”

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สองรายยืนยันกับ วีโอเอ ว่า ผู้บัญชาการกลุ่มติดอาวุธที่ว่า คือ วิซาม โมฮัมหมัด อัล-ซาเอดิ โดยภาพที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นบัตรประจำตัวประชาชนอิรักของ อัล-ซาเอดิ ขณะถูกดึงออกมาจากร่างของเขาด้วย

ก่อนหน้านี้ วีโอเอ รายงานว่า ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ใช้การโจมตีทางอากาศเข้าใส่เป้าหมายสำคัญในตะวันออกกลางแต่ไม่ได้ระบุถึงชื่อของ อัล-ซาเอดิ

ทั้งนี้ คลิปวิดีโอที่มีการแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์นั้นแสดงให้เห็นถึงภาพของพาหนะคันหนึ่งที่มีไฟลุกท่วมบนถนนหลวงสายหนึ่งในกรุงแบกแดด

การโจมตีดังกล่าวของสหรัฐฯ นั้นเป็นการตอบโต้การที่กองทัพอเมริกันในตะวันออกกลางถูกโจมตีด้วยโดรน จรวดและขีปนาวุธเกือบ 170 ลูก ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการโจมตีใส่ฐานทัพทางตะวันออกเฉียงเหนือของจอร์แดนที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ 3 นายเสียชีวิตด้วย

และเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว สหรัฐฯ ทำการโจมตีหลายชุดเข้าใส่อิรักและซีเรีย โดยพุ่งเป้าไปยังจุดที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านหนุนหลังและเป็นผู้ส่งโดรนโจมตีกองทัพอเมริกัน และการประเมินโดยสหรัฐฯ ระบุว่า การถล่มโจมตีดังกล่าวทำลายเป้าหมายต่าง ๆ ได้ถึง 80 จุด ซึ่งมีตั้งแต่ศูนย์ควบคุมบัญชาการทางทหาร ไปจนถึงศูนย์งานข่าวกรอง และโรงเก็บโดรนหลายแห่ง

แต่แม้สหรัฐฯ จะออกมายืนยันความจำเป็นของการเดินหน้าโจมตีในช่วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอิรักยังคงแสดงความไม่พอใจออกมา และเรียกตัวอุปทูตรักษาการของสหรัฐฯ ประจำกรุงแบกแดดมารับฟังคำร้องคัดค้านของตน และระบุว่า การโจมตีในบางจุดของสหรัฐฯ ทำลายกองกำลังความมั่นคงบางจุดของตนไปด้วย

เมื่อวันจันทร์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ไม่ได้มีการแจ้งเตือนอิรักล่วงหน้าเกี่ยวกับการโจมตีใด ๆ แต่ชี้ว่า ปฏิบัติการโจมตีของสหรัฐฯ นั้นไม่ควรเป็นเรื่องแปลกใจสำหรับฝ่ายด้วย

พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอน กล่าวในวันจันทร์ด้วยว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มีแผนที่จะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารระยะยาวเพื่อต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธในอิรักและซีเรีย แต่ย้ำว่า การตอบโต้ของสหรัฐฯ ต่อการสังหารเจ้าหน้าที่ทหารของตน “ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี”

ขณะเดียวกัน CENTCOM เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ในช่วงค่ำวันพุธที่ผ่านมา กองกำลังสหรัฐฯ ได้ทำการโจมตีเป้าหมาย 2 จุดเพื่อจัดการกับขีปนาวุธร่อนจากกลุ่มฮูตีที่มีการเตรียมยิงอยู่

แถลงการณ์ของ CENTCOM ระบุว่า ขีปนาวุธดังกล่าว “ถือเป็นภัยคุกคามจวนตัวซึ่งหน้าต่อเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ และเรือขนส่งพาณิชย์ในภูมิภาค”

ที่ผ่านมา กลุ่มฮูตีประกาศว่า การโจมตีเข้าใส่เรือต่าง ๆ ในทะเลแดงของตน เป็นการแสดงจุดยืนความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับผู้คนในกาซ่าและยืนยันว่า จะเดินหน้าทำการดังกล่าวต่อไป

  • ที่มา: วีโอเอ

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG