สมาคมนักการศึกษาหลายแห่งในสหรัฐฯ เปิดเผยผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่พบว่าจำนวนนักศึกษาต่างชาติที่สมัครเข้าเรียนต่อในสหรัฐฯ ได้ลดจำนวนลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งพิเศษห้ามคนจากชาติมุสลิม 6 ชาติเดินทางเข้าสหรัฐฯ
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ตัดสินใจจำกัดจำนวนนักศึกษาจากนอกรัฐที่เข้าเรียนในระดับปริญญาตรีลงเหลือ 18 เปอร์เซ็นต์ ในวิทยาเขต 5 แห่งจากทั้งหมด 10 แห่ง เพื่อเพิ่มที่นั่งเเก่ผู้สมัครจากภายในรัฐแคลิฟอร์เนีย
แม้นักศึกษาจากต่างรัฐ ซึ่งรวมทั้งจากต่างชาติจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมที่สูงกว่านักศึกษาภายในรัฐถึง 27,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มรายได้เเก่มหาวิทยาลัย
สมาคมนักการศึกษานานาชาติ หรือ NAFSA เป็นหนึ่งในสมาคมเหล่านี้ ได้จัดการประชุมประจำปีขึ้นที่นครลอสเองเจลลีสเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เเละนักการศึกษาหลายคนในที่ประชุมกล่าวว่า มีความกังวลว่าการลดจำนวนที่นั่งนักศึกษาจากต่างชาติและต่างรัฐ ร่วมกับคำสั่งพิเศษของผู้นำสหรัฐฯ จะทำให้นักศึกษาต่างชาติไม่อยากมาเรียนต่อในสหรัฐฯ เพราะมองว่าไม่เป็นที่ต้อนรับ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมั่นใจว่าสหรัฐฯ ยังคงเป็นแหล่งการศึกษายอดนิยมของชาวต่างชาติก็ตาม
คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการอุดมศึกษาของแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีอำนาจดูแลเรื่องการลงทะเบียนเรียน ได้ประกาศลดจำนวนที่นั่งนักศึกษาจากนอกรัฐหรือจากต่างประเทศ ของมหาวิทยาลัยเเคลิฟอร์เนีย ทั้งที่เบิร์กลี่ย์ ลอสเองเจลลีส เออร์ไวน์ และซานดิเอโก ลงให้ไม่เกิน 18 เปอร์เซ็น
คณะกรรมการชี้ว่าวิทยาเขตเหล่านี้มีนักศึกษาจากต่างชาติลงทะเบียนเข้าเรียนสูงกว่ามหาวิทยาลัยรัฐแห่งอื่นๆ ทั่วสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับมาตรการนี้ คุณ Hadi Makarechian กรรมการคนหนึ่งซึ่งเกิดในประเทศอิหร่าน กล่าวว่า ข้อเสนอควบคุมจำนวนที่นั่งนักศึกษาต่างชาติและต่างรัฐลงนี้ เป็นเหมือนการสร้างกำแพงรอบมหาวิทยาลัย
แต่คนที่สนับสนุนการควบคุมจำนวนที่นั่งนี้กล่าวว่า มาตรการนี้เป็นการขยายโอกาสแก่นักศึกษาจากภายในรัฐเเคลิฟอร์เนียเอง
John Wells นักการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอาร์คาเดีย ในรัฐเพนซิลเวเนีย กล่าวว่ามหาวิทยาลัยเเห่งอื่นคงไม่เอาอย่างมาตรการของมหาวิทยาลัยเเคลิฟอร์เนีย
เขากล่าวว่ามหาวิทยาลัยอาร์คาเดีย ส่งนักศึกษาชาวสหรัฐฯ ไปเรียนต่างประเทศ เเละรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียน ส่วนมากมาจากจีนเเละอินเดีย
Wells กล่าวว่า รัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ รัดเข็มขัดงบประมาณที่สนับสนุนการศึกษาระดับอุดมศึกษามากขึ้น และหลายๆ รัฐอนุญาตให้มหาวิทยาลัยหาวิธีใหม่ๆ มาใช้ในการรับสมัครนักศึกษา รวมทั้งเน้นการรับสมัครนักศึกษาต่างชาติให้มากขึ้น
ข้อเสนอของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ห้ามคนจาก 7 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐฯ ถูกศาลรัฐบาลกลางสั่งระงับไว้ชั่วคราว และท่ามกลางความไม่เเน่นอน ผลการสำรวจของมหาวิทยาลัยต่างๆ ชี้ว่านักศึกษาต่างชาติที่ส่งใบสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ ได้ลดจำนวนลง โดยเฉพาะจากประเทศในตะวันออกกลาง
ทางสถาบันการศึกษานานาชาติและโครงการ Open Doors ชี้ว่า เมื่อปีการศึกษา 2015-2016 มีนักศึกษาจากประเทศตะวันออกกลางมาเรียนในสหรัฐฯ ถึง 100,000 คน
บรรดานักการศึกษาจากประเทศอื่นๆ ที่เข้าร่วมการประชุมที่นครลอสเองเจลลีส กล่าวว่านักศึกษาจากประเทศของตนกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยความกังวลและนักศึกษาหลายคนเลือกที่จะสมัครไปเรียนต่อในแคนาดาและออสเตรเลียเเทน
John Wells นักการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอาร์คาเดีย ในรัฐเพนซิลเวเนีย กล่าวว่าประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ซึ่งรวมทั้งออสเตรเลีย อังกฤษ และเเคนาดา ดึงดูดนักศึกษาต่างชาติเข้าไปเรียน
เขากล่าวว่าเยอรมนีก็เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นของนักศึกษาต่างชาติ เพราะได้เพิ่มจำนวนสาขาวิชาที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เเละเขาคาดว่าในอนาคต จีนและอาหรับ เอมิเรตส์ จะกลายเป็นประเทศคู่เเข่งที่ดึงดูดนักศึกษาต่างชาติเช่นกัน
(รายงานโดย Mike O’Sullivan / เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว)