ผลกระทบจากการลดลงของค่าเงินรูปีอินเดียเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างความไม่พอใจแก่ชาวอินเดียที่ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ตั้งเเต่ผู้บริโภคที่เติมน้ำมัน ไปจนถึงนักศึกษาที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนในต่างประเทศ
ค่าเงินรูปีร่วงลงไปราว 12 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ เงินรูปีเป็นหนึ่งในเงินสกุลต่างๆ ในเอเชียที่ลดค่าลงอย่างมาก และการลดค่านี้รุนแรงขึ้นตั้งเเต่ค่าเงินลีราของตุรกีร่วงลง
อรุน เจตลี รัฐมนตรีคลังอินเดีย ออกมากล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อลดความกังวลว่าเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ค่าเงินร่วงมาจากหลายทิศทางทั่วโลก เขากล่าวว่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เเข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆเกือบทั้งหมดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
การลดค่าอย่างมากของเงินรูปีเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจได้ฟื้นตัวจากช่วงถดถอย เเละปรับตัวดีขึ้นไปอยู่ระดับที่สูงที่สุดในรอบสองปีในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ และมีการพยากรณ์ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตปีนี้ที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์
แต่นักเศรษฐศาสตร์ต่างเตือนว่า ระดับการขยายตัวระดับนี้คงยากที่จะคงเอาไว้ได้ เพราะค่าเงินรูปีลดลงอย่างมาก พร้อมกับราคาน้ำมันดิบโลกที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอินเดีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับสามของโลก เเละเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการด้านพลังงานเชื้อเพลิงในอินเดียต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
เอ็น. อาร์. บานุมูระที (N.R. Bhanumurthy) นักเศรษฐศาสตร์อินเดียกล่าวว่า รัฐบาลต้องลดความทะเยอทะยานในการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลง เขาบอกว่าการเติบโตต้องอยู่ต่ำกว่า 7 เปอร์เซ็นต์เล็กน้อย
รัฐบาลอินเดียกำลังเจอกับความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว และยังเจอกับเเรงกดดันให้ลดภาษีแก๊สเเละน้ำมันดีเซลลง เพื่อดึงราคาน้ำมันที่แพงขึ้นอย่างมากลงมา
พลังงานเชื้อเพลิงเป็นสินค้าอย่างหนึ่งที่รัฐบาลอินเดียเก็บภาษีในอัตราที่สูงเกือบร้อยละ 50 โดยราคาน้ำมันเเละเเก๊สจะต่างกันไปตามรัฐ เเต่ราคาได้เพิ่มขึ้นไปจากเดิมราว 14 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
เเละเพื่อฉวยโอกาสนี้ในการทำเเต้มทางการเมือง พรรคฝ่ายค้านในอินเดียได้ก่อการประท้วงขึ้นทั่วประเทศ มีผลให้มีการปิดสำนักงานหลายแห่งเเละโรงเรียนในหลายเมือง
รัฐบาลอินเดียไม่ใส่ใจต่อการประท้วงนี้ โดยบอกว่า แม้ว่าประชาชนจะเจอกับภาวะค่าเงินลดลง ประชาชนเข้าใจดีว่าปัญหานี้เกิดจากปัจจัยต่างๆ ที่เกินการควบคุมของอินเดีย
บรรดานักวิเคราะห์การเมืองไม่เเน่ใจนักในเรื่องนี้ เเละได้ชี้ว่าปัญหาราคาพลังงานเชื้อเพลิงในอินเดียเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนทางการเมืองเเละมักส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น
สาทิช มิสรา แห่งมูลนิธิ Observer Reseach กล่าวว่า ความโกรธเคืองของประชาชนกำลังเพิ่มขึ้น คนเกิดความไม่พอใจต่อสถานการณ์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพรรครัฐบาลอินเดียในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ต่างเตือนรัฐบาลอินเดียว่า ไม่ควรอ่อนข้อให้กับเเรงกดดันจากกลุ่มประชานิยมก่อนหน้าการเลือกตั้งระดับรัฐในปลายปีนี้ เเละการเลือกตั้งทั่วไปในราวเดือนเมษายนปีหน้า พวกเขากล่าวว่า การลดภาษีพลังงานเชื้อเพลิงลงหรือการใช้มาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นค่าเงินรูปี จะทำให้การเงินของประเทศตึงตัวเเละส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
บานุมูระที นักเศรษฐศาสตร์อินเดีย กล่าวว่า รัฐบาลต้องระมัดระวังมากขึ้นเเละตื่นตัว เขาบอกว่าเป็นเรื่องดีกว่าหากอินเดียจะรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำต่อไป แทนที่จะต้องเจอกับภาวะงบประมาณขาดดุลสูง
อย่างไรก็ตาม ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้างสำหรับเศรษฐกิจอินเดีย กล่าวคือ ค่าเงินรูปีต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ลดลง ได้ช่วยกระตุ้นธุรกิจการส่งออกสินค้าของอินเดียที่สร้างกำไร ไม่ว่าจะเป็นการบริการด้านโปรแกรมซอฟแวร์คอมพิวเตอร์เเละยารักษาโรค ซึ่งสร้างรายได้เพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)