รัฐบาลอินเดียพยายามหาทางปราบการรับสินบนโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการปันส่วนปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีพ เช่นข้าวสาลี หรือข้าวสาร ให้กับประชาชน
อินเดียเป็นประเทศที่สองในโลกที่มีประชากรมากถึงหนึ่งพันล้านคน และในจำนวนนี้เป็นผู้ยากจนที่รัฐบาลต้องให้ความช่วยเหลือทางด้านสวัสดิการเป็นจำนวนมาก
และในสัปดาห์นี้ รัฐบาลอินเดียออกกฎหมายใหม่ที่อนุญาตให้หน่วยงานรัฐบาลเข้าไปใช้ข้อมูลชีวมิติของประชาชนได้ โดยให้เหตุผลว่าจะใช้ข้อมูลดังกล่าวในการปันส่วน เพื่อตรวจพิสูจน์ผู้มารับของว่าเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการปันส่วนนั้นจริง ซึ่งหมายความว่าคนเหล่านั้นจะต้องมีบัตรประจำตัวที่บรรจุข้อมูลชีวมิติไว้
รัฐบาลกล่าวไว้ด้วยว่า ความพยายามในการป้องกันเพื่อให้แน่ใจว่าปัจจัยที่ปันส่วนนั้นถึงมือผู้ที่มีสิทธิ์จะได้รับจริง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้แล้วถึงสองพันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
แต่นักต่อสู้เคลื่อนไหวในประชาสังคม นักกฎหมายและกลุ่มนักวิจัยเรียกมาตรการนี้ว่าเป็น “เทคโนโลยีการเฝ้าดู” ซึ่งเป็นการละเมิดภาวะส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง และร่วมกันเรียกร้องให้มีการออกกฎหมายปกป้องภาวะส่วนบุคคลอย่างเข้มงวดกวดขัน
นักวิจัยอย่าง Pranesh Prakash ที่ Center for Internet and Society ใน Bangalore บอกว่า กฎหมายใหม่ฉบับนี้ของรัฐบาลจะเก็บข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับบุคคล ตั้งแต่การยื่นบัตรให้พนักงานตรวจตั๋วรถไฟดู ไปจนถึงการเปิดบัญชีธนาคาร โดยเจ้าตัวไม่มีทางป้องกันภาวะส่วนบุคคลของตน โดยเฉพาะในกรณีที่รัฐบาลอ้างว่า “เพื่อความมั่นคงของประเทศ”
กลุ่มผู้ที่คัดค้านกฎหมายชีวมิตินี้ ยังได้ยกตัวอย่างการเจาะล้วงฐานข้อมูลของรัฐบาล อย่างที่เกิดขึ้นแล้วในสหรัฐ มาเป็นเหตุผลเพิ่มเติมในการคัดค้านด้วย
แต่รัฐบาลอินเดียยืนกรานความตั้งใจ และเหตุผลที่ต้องการมีมาตรการที่รับประกันว่า สวัสดิการสำหรับคนยากจนนั้นจะไปถึงมือผู้มีสิทธิ์รับได้จริง