นายกรัฐมนตรีฮุน เซนของกัมพูชากำลังอยู่ในอำนาจเป็นปีที่ 36 ในฐานะผู้นำประเทศ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาผ่านเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่สำคัญ เช่นการทำรัฐประหาร การเริ่มให้มีการเลือกตั้ง และเศรษฐกิจที่โตอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน การปกครองกัมพูชาภายใต้การนำของเขาหวนคืนสู่ระบบพรรคการเมืองเดียว ที่ผ่านการเลือกตั้งซึ่งถูกมองว่ามีความผิดปกติ
และเขาถือเป็นนายกฯ ที่ครองอำนาจนานที่สุดในโลก
ขณะที่เขาวางแผนจะลงจากตำแหน่งในอีก 9 ปี เมื่อเขาอายุ 78 นักวิเคราะห์กล่าวว่า ประชาคมโลกจะมีบทบาทอย่างมากในการตอบโต้กับการรวมอำนาจของนายกฯกัมพูชาผู้นี้
นักเขียนและนักวิชาการเรื่องผู้นำเขมร ฮาริช ซี เมห์ตา กล่าวว่า ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ความคิดเเละความเชื่อของฮุน เซนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องการเมืองในประเทศและนโยบายต่างประเทศ
ฮาริช ซี เมห์ตา กล่าว่าฮุน เซน เชื่อในเรื่องการคุมอำนาจ ผ่านเครือข่ายผู้จงรักภักดี ที่ครอบคลุมโครงสร้างอำนาจของประเทศ ตั้งแต่หน่วยงานรัฐ ไปจนถึงกองทัพ
นอกจากการสร้างฐานอำนาจที่กว้างขวางแล้ว นักการเมืองภายในพรรค CPP หรือ Cambodian People’s Party ของเขายังยอมรับในผลงานทางเศรษฐกิจของฮุน เซน
นักประวัติศาสตร์ เดวิด พี เเชนด์เลอร์ เจ้าของผลงานหนังสือ A History of Cambodia กล่าวกับวีโอเอภาคภาษาเขมรว่า ความเสี่ยงของนายกรัฐมนตรีฮุน เซนต่อการถูกโค่นอำนาจมีน้อยมาก เพราะ “ควบคุมประเทศไว้หมดแล้ว”
ขณะนี้ศาลสูงสุดของกัมพูชาอยู่ภายใต้การนำของ ติธ มุนตี ซึ่งเป็นคนสนิทของฮุน เซน และมีตำแหน่งสำคัญในคณะกรรมการพรรครัฐบาล
เมื่อ 3 ปีก่อนศาลสูง สั่งยุบพรรค Cambodia National Rescue Party ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเดียวที่เหลืออยู่ที่สามารถแข่งขันกับพรรค CPP ได้ ในปีถัดมากัมพูชาจัดการเลือกตั้ง ซึ่ง CPP ชนะการเลือกตั้งอย่างง่ายดาย
เดวิด เเชนด์เลอร์ กล่าวด้วยว่า การปราบปรามคู่แข่งของนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน น่าจะดำเนินต่อไปในอีก 10 ปีจากนี้ก่อนที่ เขาลงจากตำแหน่งตามท่ีวางแผนไว้
หน่วยงานเพื่อสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch ระบุว่าที่ผ่านมา มีการจับกุม “นักโทษการเมือง” ในกัมพูชาแล้วกว่า 60 คน และมีอีกหลายร้อยคนที่กำลังโดนดำเนินคดี
ในบรรดา ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของนายกฯ ฮุน เซน มีจำนวนหนึ่ง ถูกจับกุมตัว ถูกห้ามเล่นการเมือง หรือใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ
โฆษกพรรครัฐบาล โสก อายสาน กล่าวว่าพรรค CPP ต้องการมีบรรยากาศที่มีเสถียรภาพที่เอิ้ออำนวยต่อการเปลี่ยนผ่านอำนาจของประเทศและภายในพรรคเอง
เขากล่าวว่า สิ่งที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นคือการต่อยอดการปกครองที่มั่นคงโดยพรรค CPP ไปอีกหลายสิบปี โดย “จะไม่มีใครที่สามารถสร้างภัยอันตรายต่อความสงบและความมั่นคงของประเทศ รวมถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชน”
ส่วนนักวิชาการเรื่องผู้นำเขมร ฮาริช ซี เมห์ตา กล่าวว่าในที่สุดเเล้วฮุน เซนต้องการถูกจดจำในฐานะ ผู้นำ และผู้ชนะในประวัติศาสตร์ของชาติ เช่น การเป็นผู้โค่นล้มระบอบของเขมรเเดงที่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเขาต้องการถูกจดจำว่า ได้นำเขมรสู่สันติภาพ ความมั่นคงและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน เริ่มมองถึงผู้สืบทอดอำนาจ สองตัวเลือกคือ บุตรชายคนโต ฮุน มาเนต ที่เป็น ผู้บัญชาการกองทัพบกคนปัจจุบัน และ นาย อ้น พอนโมนิโรด ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังในขณะนี้
ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการ Human Rights Watch ภาคพื้นเอเชีย กล่าวว่าฮุน เซนคือปัจจัยที่ทำลายประชาธิปไตยของกัมพูชา เขากล่าวด้วยว่า สถานการณ์ในกัมพูชาจะดีขึ้นได้ ถ้าประชาคมโลกแสดงบทบาที่เเข็งขันในการตอบสนองต่อการรวมอำนาจในของฮุนเซน ในกัมพูชา