หลังการประท้วงร่างกฎหมายส่งตัวผู้ต้องหาข้ามแดนในฮ่องกงซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ได้มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายประท้วงไปแล้วอย่างน้อยสี่คน
เรื่องนี้ทำให้คุณเดวิด เช็ง CEO ของหน่วยงานการกุศลชื่อ The Samaritans ตั้งข้อสังเกตว่า หนุ่มสาวชาวฮ่องกงขณะนี้กำลังมีความเครียดและมองไม่เห็นความหวังสำหรับอนาคตตนเอง
คุณเดวิด เช็ง บอกว่าผู้คนมีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการประท้วงที่เกิดขึ้น และรู้สึกไม่สบายใจกับภาพข่าวทางโทรทัศน์ หรือที่ได้ประสบด้วยสายตาตัวเองตามท้องถนน และว่ามีการโทรเข้าสายด่วนเพื่อช่วยแก้ปัญหาฆ่าตัวตายมากขึ้น
โดยถึงแม้การร้องขอความช่วยเหลือทางโทรศัพท์สายด่วนนี้จะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเมืองทั้งหมดก็ตาม แต่ความวุ่นวายทางการเมืองก็มีส่วนสำคัญอยู่ไม่น้อยทีเดียว
ขณะที่การประท้วงส่วนใหญ่ในฮ่องกงเป็นไปอย่างสงบนั้น ก็มีผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งหันไปใช้ความรุนแรง รวมทั้งใช้วิธีโจมตีเป้าหมายที่เป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลหรือการปกครอง และเมื่อสถานการณ์มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น หลายคนก็เกรงว่าเรื่องนี้อาจทำให้มีการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นได้
คุณไมเคิล เคอร์ติส เดวิส จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นปัญหาได้จากตัวอย่างที่หลายคนเคยเห็นชาวทิเบตที่ประท้วงด้วยการเผาตัวเอง และถึงแม้เราไม่อยากลดเกียรติของผู้ที่เสียสละชีวิตของตนเอง แต่เราก็ไม่ต้องการกระตุ้นให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เช่นกัน
ขณะนี้มีชาวฮ่องกงบางคนเปรียบเทียบผู้ที่ฆ่าตัวตายเพื่อประท้วงรัฐบาลฮ่องกงว่า เป็นผู้ที่สละชีพตัวเองเพื่ออุดมการณ์ เรื่องดังกล่าวสร้างปัญหาน่าลำบากใจให้กับแกนนำของผู้ที่ทำกิจกรรมประท้วง อย่างเช่น คุณกาลิเลโอ เช็ง ซึ่งได้เตือนว่า ตนอยากจะขอร้องหนุ่มสาวในฮ่องกงว่าไม่ควรคิดสั้นสละชีวิตตัวเองเพื่อประท้วงเพราะวิธีดังกล่าวจะไม่ได้ผล
เนื่องจากคนเหล่านี้กำลังเผชิญหน้ากับพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งไร้ความปราณี และไม่มีมาตรฐานด้านศีลธรรมพอที่จะให้ความสนใจในเรื่องนี้
