ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์เศรษฐกิจโดยรอยเตอร์เผยว่า ปีนี้โลกจะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูงต่อเนื่อง อุปสงค์จะชะลอตัวลง และอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
ความเห็นดังกล่าวแตกต่างจากการคาดการณ์เมื่อสามเดือนที่แล้วอย่างมาก โดยขณะนั้นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับทิศทางโดยรวมของนโยบายธนาคารกลางประเทศต่างๆ ว่า ภาวะเงินเฟ้อ ที่ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการจัดส่งและผลิตสินค้าล่าช้าเนื่องจากภาวะโรคระบาด จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ผลสำรวจความเห็นรายไตรมาสของรอยเตอร์ต่อนักวิเคราะห์กว่า 500 คนที่จัดทำช่วงเดือนมกราคม เผยว่า อาจเกิดภาวะเงินเฟ้อในประเทศและเขตเศรษฐกิจ 46 แห่งในปีนี้ และแม้แรงกดดันราคาอาจผ่อนคลายลงในปีหน้า แต่ภาวะเงินเฟ้อก็ดูเป็นไปได้มากเมื่อเทียบกับสามเดือนก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ด้วยว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงในปีนี้ โดยหลังจากที่เศรษฐกิจโลกเติบโตขึ้น 5.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้ คาดว่าการเติบโตจะลดลงเหลือ 4.3 เปอร์เซ็นต์ และน้อยกว่า 4.5 เปอร์เซ็นต์ที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนตุลาคม
การคาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอาจลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยและค่าครองชีพที่สูงขึ้น และเศรษฐกิจโลกอาจเติบโตลดลงเหลือ 3.6 เปอร์เซ็นต์ในปีค.ศ. 2023 และเหลือ 3.2 เปอร์เซ็นต์ในปีค.ศ. 2024
ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ที่ตอบคำถามเพิ่มเติมในแบบสอบถาม ระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อจะเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกในปีนี้มากที่สุด ขณะที่อีกเกือบ 35 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ จะทำให้เกิดความเสี่ยงมากที่สุด และอีก 22 เปอร์เซ็นต์เห็นว่า ธนาคารกลางต่างๆ จะมีท่าทีเร็วเกินไป
ผลสำรวจของรอยเตอร์ครั้งนี้ยังเผยด้วยว่า นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางหลัก 18 แห่ง จากทั้งหมด 24 แห่ง อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปีนี้
- ที่มา: รอยเตอร์