บรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมประสาทเเละสมองที่รักษาคนที่บาดเจ็บทางสมอง จะเน้นบำบัดคนป่วยที่ตกอยู่ในภาวะโคม่าเป็นสำคัญ ในขณะที่จะถือว่าอาการสมองกระทบกระเทือนเป็นอาการบาดเจ็บที่รุนเเรงน้อยกว่า
ในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา มีการวิจัยเกี่ยวกับการบาดเจ็บที่ศีรษะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะมีความตื่นตัวกันมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวจากการกระทบกระเทือนทางสมองที่เกิดขึ้นกับทหาร นักกีฬา และผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
ด็อกเตอร์ David Okonkwo ผู้อำนวยการแห่งศูนย์วิจัยการบาดเจ็บในสมองที่ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพิทส์เบิร์ก กล่าวว่าปัญหาใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งคือการวินิจฉัยที่รวดเร็วเเละถูกต้อง ซึ่งทางศูนย์กำลังใกล้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาการตรวจเลือดที่จะช่วยตรวจหาอาการสมองกระทบกระเทือนได้เกือบทันทีหลังจากที่คนไข้ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
ด็อกเตอร์ Okonkwo กล่าวว่า ในขณะนี้ การวินิจฉัยยังต้องพึ่งการวิเคราะห์ตามอาการของคนไข้ที่ปรากฏให้เห็น ทำให้คนไข้ที่สมองได้รับการกระทบกระเทือนไม่ได้รับวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เเละเนื่องจากอาการสมองกระทบกระเทือนของคนไข้เเต่ละรายไม่เหมือนกัน นักวิจัยจึงต้องพยายามปรับปรุงการวิเคราะห์อาการบาดเจ็บอีกด้วย
เขากล่าวว่ามีความพยายามเพิ่มขึ้นอย่างมากตลอดเวลาที่ผ่านมา ในการพัฒนาเทคโนโลยีฉายภาพสมองให้ก้าวหน้ามากขึ้นเพื่อใช้ในทางการเเพทย์ มีความคมชัดของภาพสูงขึ้นและมีคุณภาพดีขึ้น
นอกจากนี้ ทีมนักวิจัยกำลังพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ ในการทดสอบคนไข้เพื่อวินิจฉัยอาการสมองได้รับการกระทบกระเทือนเฉพาะอย่าง ที่มีผลต่อการทรงตัว การมองเห็น ความสามารถทางความคิดอ่าน ความจำ หรือการทำงานอื่นๆ ของสมอง
แต่ด็อกเตอร์ Okonkwo กล่าวว่า การป้องกันดีกว่าการรักษา มีการคิดค้นวิธีใหม่ๆ ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยแก่ทั้งทหารและนักกีฬา
ด็อกเตอร์ Okonkwo กล่าวว่า ปัจจุบันความสามารถในการวินิจฉัยและเข้าใจผลกระทบจากการบาดเจ็บในสมอง ตลอดจนการบำบัดคนป่วยแต่ละคนได้อย่างถูกต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และคนสมัยใหม่ยังมีความตื่นตัวเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บทางสมองเเละผลกระทบกันมากขึ้นกว่าในอดีตอีกด้วย
(รายงานโดย George Putic / ทักษิณา ข่ายแก้ว)