รถขนส่งสินค้าจากจีนสู่เมียนมาถูกเผาใกล้กับเมืองมูเซ ชายแดนเมียนมา-จีน สื่อรัฐอ้าง เป็นฝีมือของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ตอกย้ำความไม่ปลอดภัยและความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดขึ้นของสองชาติ ที่กำลังหารือเรื่องความมั่นคงตามพื้นที่แดนต่อแดน ตามการรายงานของรอยเตอร์เมื่อวันศุกร์
Global New Light of Myanmar สื่อของรัฐบาลเมียนมา รายงานว่า “สืบเนื่องจากเหตุก่อการร้ายนี้… มีรถขนส่งสินค้าราว 120 คันจากทั้งหมด 258 คัน ที่ขนส่งสินค้าครัวเรือน เครื่องบริโภค เสื้อผ้า และวัสดุก่อสร้างถูกทำลายโดยไฟ”
โดยเหตุก่อการร้ายนั้นเป็นการบ่งชี้ไปถึงกลุ่มกองกำลังที่ต่อต้านรัฐบาลทหาร ซึ่งเพิ่งมีการเปิดปฏิบัติการโจมตีกองทัพเมื่อราวหนึ่งเดือนที่แล้ว
โฆษกกองกำลังต่อต้าน ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่าพวกเขาไม่ได้ก่อเหตุที่จะ “ทำลายผลประโยชน์ของประชาชน”
กองทัพเมียนมา หรือ ‘ทัตมาดอว์’ สูญเสียพื้นที่การควบคุมในเมืองและป้อมค่ายหลายจุด ทั้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศในช่วงที่ต้องรับมือกับปฏิบัติการโจมตีร่วมที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021
การสู้รบที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้มีประชาชนราว 2 ล้านคนทั่วประเทศกลายเป็นผู้พลัดถิ่น ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ (UN)
ในสัปดาห์เดียวกันนี้ ที่เมืองเล้าก์ก่าย เมืองชายแดนในรัฐฉานที่มีพรมแดนติดกับจีนเหมือนเมืองมูเซ ก็มีผู้เสียชีวิต 10 คนเป็นอย่างน้อยจากเหตุที่รถของผู้คนที่กำลังหนีจากการสู้รบถูกยิงด้วยจรวด
โฆษกรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ต่างปฏิเสธการรับผิดชอบและประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ รอยเตอร์ไม่สามารถยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีดังกล่าวได้
รัฐบาลกรุงปักกิ่งเรียกร้องให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมา โดยเหตุการณ์โจมตีที่เมืองมูเซเกิดขึ้นระหว่างที่ เฉิน ไห่ เอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมา พบกับรัฐบาลกระทรวงการต่างประเทศ ตาน ส่วย ในกรุงเนปิดอว์
สื่อรัฐบาลเมียนมาระบุว่า ตัวแทนจากสองชาติหารือกันเรื่อง “ความสัมพันธ์ทวิภาคี การสานต่อโครงการระดับทวิภาคีที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน” และ “การร่วมมือในเรื่องสันติภาพ เสถียรภาพ และนิติรัฐตามแนวชายแดน”
สถานทูตจีนในเมียนมาเผยแพร่ประกาศในวันศุกร์ ให้ชาวจีนที่ติดค้างอยู่ในเมืองเล้าก์ก่ายหนีออกมาให้เร็วที่สุด เนื่องจากมีความเสี่ยงอยู่ในระดับ “สูง”
ก่อนหน้าเหตุการณ์ที่เมืองมูเซ รัฐบาลจีนและเมียนมามีการปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายมิจฉาชีพในพื้นที่ร่วมกัน จนมีการนำส่งผู้ต้องสงสัยกว่า 30,000 รายกลับไปที่จีน
ทั้งนี้ การต่อสู้ในพื้นที่ชายแดน และปฏิบัติการทลายล้างแก๊งมิจฉาชีพ ที่โดยมากก็ดำเนินการโดยชาวจีน สะท้อนสภาพความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปของทั้งสองประเทศ
แม้ที่ผ่านมา จีนมีท่าทีสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมา แต่รัฐบาลปักกิ่งก็มีความสัมพันธ์ในลักษณะที่ซับซ้อนกับกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ชายแดนเมียนมา-จีนทางตะวันออกเฉียงเหนือมาเป็นเวลาหลายปี
โดยบ่อยครั้ง กองกำลังเหล่านี้ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติของรัฐบาลกลาง ส่วนรัฐบาลเนปิดอว์เองก็ตั้งข้อสงสัยเช่นกันว่าจีนมีส่วนช่วยเหลือกลุ่มติดอาวุธบางกลุ่ม
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น