เมื่อวันศุกร์ ทางการสาธารณสุขของเยอรมนีระบุว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศขณะนี้ เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติ และเรียกร้องให้มีการใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาสถานการณ์ รวมทั้งการล็อกดาวน์ที่ครอบคลุมถึงผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วด้วย
สถาบัน Robert Koch Institute for Infectious Diseases หรือ RKI ของเยอรมนี รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 52,970 คน ซึ่งเป็นวันที่สามติดต่อกันที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 50,000 คน ในขณะที่ อัตราการติดเชื้ออยู่ที่กว่า 340 คนต่อทุก 100,000 คน
นายโลธาร์ วีเลอร์ ประธานสถาบัน RKI ระบุว่า จะต้องมีการใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อรับมือการระบาดระลอกใหญ่ครั้งนี้ โดยทางสถาบันคาดการณ์ว่า มีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสกว่า 500,000 คนในเยอรมนี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดที่เคยมีมา โดยอัตราการติดเชื้อในเด็กอายุ 5-14 ปี อยู่ที่กว่า 700 คนต่อทุก 100,000 คน
นายวีเลอร์กล่าวต่อว่า เยอรมนีต้องใช้มาตรการลดการสัมผัสติดต่อเพื่อชะลอการระบาดของไวรัส เช่น การอยู่กับบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้ง ยกเลิกงานขนาดใหญ่ ลดจำนวนผู้เข้าร่วมงานขนาดเล็ก ปิดสถานที่ที่อาจมีการระบาดหนัก เช่น คลับและบาร์ที่มีการระบายอากาศไม่ดี
ทางด้านนายเยนส์ ชปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนี ระบุว่า ยังไม่มีความแน่ชัดว่า เยอรมนีจะกลับไปล็อกดาวน์เหมือนประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรียหรือไม่
เมื่อวันพฤหัสบดี นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ประชุมกับผู้ว่ารัฐของเยอรมนีทั้ง 16 รัฐ โดยทั้งหมดตกลงกำหนดเกณฑ์ใหม่เพื่อรับมือกับจำนวนผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 ต่อประชากร 100,000 คนในรอบเจ็ดวัน ในขณะที่บางรัฐพิจารณากำหนดให้กลุ่มวิชาชีพบางกลุ่มต้องฉีดวัคซีน เช่น เจ้าหน้าที่การแพทย์และลูกจ้างในบ้านพักคนชรา
(ข้อมูลบางส่วนจากสำนักข่าว the Associated Press สำนักข่าว Reuters และสำนักข่าว Agence France-Presse)