องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA (Food and Drug Administration) ผ่อนกฎให้รับบริจาคเลือดจากชายรักเพศเดียวกัน รวมถึงกลุ่มชายไบเซ็กชวล และกลุ่มอื่นๆ โดยปกติมีความเสี่ยงสูงกว่าคนกลุ่มอื่นที่จะติดเชื้อ HIV
ร่างกฎเกณฑ์ของ FDA ที่ถูกเปิดเผยในวันศุกร์ ซึ่งยังรอการสรุปขั้นสุดท้าย ผ่อนผันข้อกำหนดเดิมสำหรับชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยกัน ว่าต้องงดการมีเซ็กซ์เป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน
ภายใต้ร่างของกฎใหม่ ผู้ที่ต้องการบริจาคเลือดทุกรายจะต้องถูกคัดกรองด้วยแบบสอบถาม ที่เก็บข้อมูลเรื่องประวัติการมีเพศสัมพันธ์ การใช้ยาฉีดเข้าเส้นเลือดและ ประวัติการสักและเจาะผิวหนัง เป็นต้น โดยแบบสอบถามนี้ต้องการพิจารณาความเสี่ยงของโอกาสติดเชื้อ HIV
หากกฎนี้ได้รับการสรุปขั้นสุดท้าย จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ ชายรักชาย และชายที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงและชาย หรือไบเซ็กชวล สามารถบริจาคเลือดได้ ถ้าพวกเขามีคู่นอนเพียงคนเดียว นั่นหมายความว่าแนวทางนี้เปิดโอกาสให้ FDA ได้รับการบริจาคและสามารถช่วยให้มีคลังเลือดใหญ่ขึ้น ตามรายงานของเอพี
ก่อนหน้านี้กลุ่มรณรงค์เพื่อสิทธิของความหลากหลายทางเพศต่อต้านนโยบายแบบเหมารวมเรื่องบริจาคเลือดที่ปิดกั้นชาว LGBTQ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ รวมถึงสมาคม American Medical Association เคยกล่าวว่าการไม่อนุญาตรับบริจาคเลือดต่อคนบางกลุ่ม เป็นเรื่องไม่จำเป็น เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถตรวจสอบเลือดที่ติดเชื้อได้
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และหลายประเทศในโลกมีนโยบายไม่รับเลือดที่บริจาคโดยชายรักชาย และไบเซ็กชวลในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 มีการระบาดใหญ่ของโรคเอดส์ เนื่องจากความกังวลต่อการระบาดของเชื้อ HIV
อย่างไรก็ตาม ในปี 2015 FDA สหรัฐฯ เริ่มผ่อนกฎ เช่น แทนที่จะไม่รับบริจาคเลือดจากกลุ่มอัตลักษณ์ทางเพศที่กล่าวมาตลอดชีวิต FDA หันมาตั้งข้อกำหนดว่า ผู้บริจาคที่เป็นเกย์และไบฯ ต้องงดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 1 ปี จากนั้นในปี 2020 เกณฑ์ดังกล่าวถูกผ่อนปรนลงมาเป็น ระยะเวลา 3 เดือนแทน 1 ปีเต็ม
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มิได้สร้างผลเชิงลบต่อการรับบริจาคเลือด ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
- ที่มา: เอพี