บรรดาวิศกรต่างลอกเลียนแบบลักษณะพิเศษของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติในการคิดค้นอุปกรณ์ทันสมัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นกล้องส่องดูดาวที่ลอกเลียนแบบตาของกุ้งล็อบสเตอร์ไปจนถึงรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่นที่ออกแบบตามลักษณะของปากของนกกระเต็น ล่าสุด ทีมนักวิทยาศาสตร์ในเยอรมันนีกำลังศึกษาความพิเศษของลิ้นกบในการจับเหยื่อที่รวดเร็ว
คุณ Thomas Kleinteich ศึกษาลิ้นกบ เขาเป็นเจ้าหน้าที่ด้านการวิจัยในเยอรมนี เขาต้องการศึกษาพลังความเหนียวของลิ้นกบเปรียบเทียบกับเท้าของตุ๊กแกที่สามารถไต่ผนังและวิ่งบนเพดานได้อย่างรวดเร็ว
คุณ Kleinteich กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าการศึกษาระบบยึดเหนี่ยวตามธรรมชาติใหม่ๆเป็นเรื่องน่าสนใจ เขาออกแบบการทดลองกับกบมีเขาหรือ horned frogs ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมในเยอรมนี โดยจัดกบให้อยู่ในตู้ไม้บก มีกระจกชนิดพิเศษครอบอยู่ด้านนอก นักวิจัยใช้จิ้งหรีดเป็นเหยื่อล่ออยู่อีกฝั่งหนึ่งของกระจก ทีมงานทำการวัดดูระดับของแรงของลิ้นกบที่กระแทกกับกระจกทุกครั้งที่กบพยายามจับจิ้งหรีดเป็นอาหาร
หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าทีมงานวัดดูทั้งแรงกระแทกของลิ้นกับแรงดูดตอนที่กบดึงลิ้นที่ติดกับกระจกกลับเข้าปาก นอกจากนี้ บนกระจก ยังปรากฏรอยพิมพ์ของลิ้นด้วย
คุณ Kleinteich และทีมงานทำการทดลองกับกบทั้งหมด 4 ตัวโดยทำการทดสอบ 80 หน เขากล่าวว่าหลังการทดสอบ ทีมงานพบว่าแรงยึดเกาะของลิ้นกบมีความแรงมากกว่าน้ำหนักของตัวกบเสียอีก เขากล่าวว่าทีมงานยังค้นพบข้อมูลอีกอย่างหนึ่งซึ่งเขาไม่คาดคิดมาก่อน นั่นก็คือเมือกบนปลายลิ้นของกบไม่มีบทบาทสำคัญอย่างที่เข้าใจกันทั่วไป
ในขณะที่เท้าตุ๊กแกมีแรงยึดเกาะต้านแรงโน้มถ่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณ Kleinteich กล่าวว่าลิ้นของกบอาจจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าเสียอีกเพราะมีความเร็วสูงมาก
เขากล่าวว่าลิ้นกบพุ่งออกจากปากกบด้วยความเร็วสูงมาก ใช้เวลาไม่กี่หนึ่งในพันของวินาทีในการพุ่งไปเตะที่เป้าหมายอย่างไม่รีรอ ไม่ต้องมีเมือกเหนียวเหมือนกาวไว้ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะใดใด เขากล่าวว่ากบกินสัตว์หลากหลายจำพวกเป็นอาหาร ตั้งแต่แมลงไปจนถึงนกขนาดเล็ก ลิ้นของกบสามารถยึดเกาะพื้นผิวได้หลายประเภท
เขากล่าวว่าในขั้นต่อไป ทีมงานจะทำการศึกษาโครงสร้างของลิ้นกบเขาในการทดลองก่อนจะนำไปเปรียบเทียบกับโครงสร้างของลิ้นกบสายพันธุ์อื่นๆเพื่อค้นหาคำตอบว่าลิ้นกบมีระบบการทำงานอย่างไรและในอนาคต ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาจะนำไปสู่การคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการยึดเกาะตามลักษณะการทำงานของลิ้นกบ
คุณผู้ฟังสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับผลการศึกษาของคุณ Kleinteich เพิ่มเติมได้ในวารสาร Scientific Reports