หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานว่า จำนวนนักเรียนต่างชาติในสถาบันอุดมศึกษาของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นทะลุหนึ่งล้านคนเป็นครั้งแรกสำหรับปีการศึกษาที่จบลง ด้วยอัตราขยายตัว 7% จากปีก่อน
หากมองย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน จำนวนนักเรียนต่างชาติระดับหนึ่งล้านคนคิดเป็นเกือบสองเท่าของเมื่อทศวรรษที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สถานศึกษาบางแห่งกังวลว่าสถาบันของตนจะยังคงความสามารถในการรักษาความสำคัญในตลาดการศึกษาโลกได้หรือไม่?
นักการศึกษาบางคนเกรงว่า การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อส่วนแบ่งตลาดสหรัฐฯ ในธุรกิจการศึกษา
เป็นที่ทราบกันว่า ทรัมป์ มีนโยบายเรื่องรักษามาตรการคนเข้าเมืองที่เข้มงวด โดยเฉพาะตามแนวชายแดน นอกจากนั้นกิจการศึกษาของสหรัฐฯ ยังเผชิญกับความพยายามของจีนที่เร่งเครื่องขึ้นในการดึงนักเรียนต่างชาติให้มาศึกษาต่อในประเทศจีน
ปัจจัยลบอื่นๆ ต่อตลาดการศึกษาของสหรัฐฯ คือการที่รัฐบาลไม่เพิ่มงบประมาณด้านนี้ และตัวอย่างการเหยียดเชื้อชาติและสีผิวที่กำลังเกิดขึ้น
หากคำนึงถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ นักเรียนต่างชาติใช้จ่ายเงินกว่าสามหมื่นล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว จะเห็นว่าตลาดการศึกษาของอเมริกามีความสำคัญไม่น้อยต่อผู้กำหนดนโยบาย
Jason Lane ประธานฝ่ายนโยบายการศึกษาและการพัฒนาผู้นำของมหาวิทยาลัย University at Albany-SUNY กล่าวว่า ความกังวลถึงบรรยากาศการเมืองในสหรัฐฯ สร้างความกังวลต่อนักเรียนต่างชาติ เขาเห็นว่าอย่างน้อยบรรยากาศนี้จะส่งผลระยะสั้น
นักเรียนจากจีนคิดเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของนักเรียนต่างชาติในสหรัฐฯ โดยที่เมื่อปีที่แล้วนักเรียนจีนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ กว่าสามแสนคน
แต่ในขณะเดียวกัน จีนเองพยายามดึงนักเรียนต่างชาติให้เข้ามาเรียนในประเทศตน โดยเมื่อปีที่แล้วมีนักศึกษาจากเกาหลีใต้ในประเทศจีนถึง 66,672 คน มากกว่าในสหรัฐฯ ที่มีนักเรียนเกาหลีใต้ราว 61,000 คน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 4
คาดว่าอีกสี่ปีจากนี้ ตลาดการศึกษาของจีนจะแซงหน้าอังกฤษซึ่งเป็นที่สองรองจากสหรัฐฯ ในเรื่องจำนวนนักเรียนต่างชาติ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal
หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี จากแนวทางการหาเสียงที่สร้างความไม่สบายใจต่อคนกลุ่มน้อยในสังคม ข่าวการเหยียดผิวเกิดขึ้นตามสถาบันต่างๆ
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ติดต่อขอความเห็นจากทีมงานของทรัมป์ในเรื่องนี้แต่ไม่ได้รับการตอบรับ
ขณะนี้สถาบันการศึกษาต่างๆ ประณามพฤติกรรมการเหยียดเชื้อชาติสีผิวที่เกิดขึ้นกับนักเรียนของตน เช่นนักศึกษาสตรีที่นับถือศาสนาอิสลามแห่งมหาวิทยาลัย San Diego State ที่ถูกทำร้ายในที่จอดรถ เพราะฝ่ายผู้ก่อเหตุเห็นว่าเธอสวมผ้าคลุมศีรษะแบบชาวมุสลิม
การเหยียดหยันชาวละตินด้วยข้อความบนกระดานที่มหาวิทยาลัย Elon ในรัฐนอร์ธ แคไรไลน่า และข้อความ text ที่ทำร้ายจิตใจคนเชื้อสายแอฟริกันที่สถาบันเก่าของโดนัลด์ ทรัมป์ University of Pennsylvania ถูกประณามอย่างกว้างขวางเช่นกัน
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขต Berkeley ซึ่งมีนักเรียนต่างชาติเกือบ 6 พันคน เจ้าหน้าที่ส่งอีเมล์ที่ย้ำถึงค่านิยมของมหาวิทยาลัย ที่ให้ความสำคัญต่อชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมของสถาบันเหล่านี้
(รายงานโดย The Wall Street Journal / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)