ลิ้งค์เชื่อมต่อ

อาชญากรรมจากความเกลียดชังในอเมริกาลดลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี


Community members take part in a protest to demand stop hate crime during the funeral service of Imam Maulama Akonjee, and Thara Uddin in the Queens borough of New York City, Aug. 15, 2016.
Community members take part in a protest to demand stop hate crime during the funeral service of Imam Maulama Akonjee, and Thara Uddin in the Queens borough of New York City, Aug. 15, 2016.

อัตราการเกิดอาชญากรรมจากความเกลียดชังในอเมริกาเมื่อปี 2018 ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี แต่กลับมีคดีรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตามการเปิดเผยของสำนักงานสอบสวนกลาง หรือ FBI เมื่อวันอังคาร

รายงานจาก FBI ระบุว่า หน่วยบังคับใช้กฏหมายในอเมริกา รายงานคดีอาชญากรรมจากความเกลียดชังเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 7,120 คดี ลดลงจากปี ค.ศ. 2017 ซึ่งมีคดีลักษณะนี้อยู่ที่ 7,175 คดี แต่มีคดีฆาตรกรรมซึ่งมีมูลเหตุจากความเกลียดชังถึง 24 คดี ซึ่งมากที่สุดเท่าที่มีการเก็บข้อมูลมา

ในรายงานล่าสุด พบว่า คดีที่มีเป้าหมายเป็นกลุ่มละตินอเมริกันพุ่งสูงถึง 60% และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จาก 427 คดีเป็น 485 คดีในปีก่อน จากกระแสต่อต้านผู้อพยพที่คุกรุ่นในปัจจุบัน ขณะที่คดีอาชญากรรมกับกลุ่มชาวมุสลิมในอเมริกาลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จาก 273 เมื่อปี ค.ศ. 2017 เหลือ 188 คดีในปี ค.ศ. 2018 เช่นเดียวกับคดีอาชญากรรมที่มีเป้าหมายเป็นคนผิวสี, ชาวยิว และผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศลดลงทั้งหมดในปี ค.ศ. 2018

อาชญากรรมจากความเกลียดชัง หรือ Hate Crime ในมุมมองของ FBI คือการก่อคดีอาชญากรรมที่มีแรงจูงใจจากความมีอคติต่อเชื้อชาติ, ชาติพันธุ์, ศาสนา, ความบกพร่องทางร่างกาย, เพศสภาพ อย่างไรก็ตาม การเก็บข้อมูลของ FBI เป็นแบบสมัครใจ ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พบว่า ชาวอเมริกันต้องเผชิญกับอาชญากรรมจากความเกลียดชังราว 250,000 คดีทุกปี แต่ส่วนใหญ่เหยื่อไม่กล้าเปิดเผยหรือแจ้งความกับทางการอย่างที่ควรจะเป็น

XS
SM
MD
LG